Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Thaiihdc.org

มหาวิทยาลัยอังกฤษ : ๔. ความเป็นผู้ประกอบการ

พิมพ์ PDF

มหาวิทยาลัยอังกฤษ : ๔. ความเป็นผู้ประกอบการ

นิยามหรือความหมาย ของความเป็นผู้ประกอบการของมหาวิทยาลัย ไม่ชัดเจน ไม่มีมาตรฐาน   ผมขอรวบรวมมาจากการฟัง ถาม สังเกต และ ลปรร. กับคณะที่ไปดูงานด้วยกัน

หลังจากไปฟังการนำเสนอในการดูงาน และกลับมาไตร่ตรองแล้ว ผมฟันธงว่า ความเป็นผู้ประกอบการ (entrepreneurship)เป็นสมรรถนะ (competency) ที่ต้องการอย่างหนึ่งของบัณฑิตทุกสาขา ในทุกประเทศ สำหรับยุคศตวรรษที่ ๒๑   โดยที่จริงๆ แล้ว ต้องมีการปลูกฝังพัฒนามาตั้งแต่ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย   และต้องยิ่งกระตุ้น ในการเรียนรู้ระดับมหาวิทยาลัย

ผมตีความและนิยามเอาเองว่า ความเป็นผู้ประกอบการหมายถึง ความสามารถนำเอา สินทรัพย์ (assets) ที่อยู่เฉยๆ ไม่ก่อประโยชน์ใดๆ   มาจัดการหรือดำเนินการให้เกิดมูลค่า คุณค่า หรือผลกำไร

เมื่อตีความและนิยามเช่นนี้แล้ว   บทบาทของมหาวิทยาลัยกับความเป็นผู้ประกอบการจึงหมายถึง การที่มหาวิทยาลัยทำให้นักศึกษาของตน เปลี่ยนแปลงขั้นรากฐาน (transform) จากวิญญาณผู้บริโภค   มาสู่วิญญาณผู้ผลิต   หรือให้มีน้ำหนักของ วิญญาณผู้ผลิต มากกว่าวิญญาณผู้บริโภค

การตีความ และนิยามเช่นนี้ สอดคล้องกับแนวทาง 21st Century Learning   ซึ่งเน้นที่เรียนโดยปฏิบัติ (learning by doing)  เพื่อให้นักเรียน/นักศึกษา เรียนโดยการผลิตหรือสร้างความรู้   ซึ่งก็คือ เป็นการนำเอา ความสามารถ หรือศักยภาพภายในตัว นศ. ที่อยู่เฉยๆ มาทำหน้าที่ ผู้ผลิต” ความรู้ เผื่อแผ่แก่เพื่อน ในกระบวนการเรียนรู้เป็นทีม   หรือเรียนรู้โดยการแลกเปลี่ยนเอื้อเฟื้อกัน    ในลักษณะ collaborative learning   ซึ่งก็จะช่วยบ่มเพาะนิสัยร่วมมือ (collaboration) หรือเป็นหุ้นส่วนกัน (partnership)   ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญสำหรับการเป็นมนุษย์ในศตวรรษที่ ๒๑ (21st Century Skills)

การหล่อหลอมวิญญาณความเป็นผู้ประกอบการ   กับการเรียนรู้ตามแนวทางแห่งศตวรรษที่ ๒๑   จึงเป็น ๒ หน้าของเหรียญเดียวกัน

ในระดับมหาวิทยาลัย / หน่วยงาน ต้องมีความสามารถในการหารายได้มาใช้ในการทำหน้าที่ สถาบันอุดมศึกษาให้แก่สังคม   มหาวิทยาลัยจึงเป็นผู้ประกอบการสังคม   หรือที่ท่าน ศ. ดร. วิจิตร ศรีสะอ้าน เรียกว่า เป็นวิสาหกิจสังคม (Social Enterprise)  คือทำธุรกิจเพื่อหารายได้มาเลี้ยงตัวเอง    โดยหวัง ผลประกอบการหรือ กำไร” เป็นประโยชน์ที่เกิดขึ้นต่อสังคม

ความสัมพันธ์กับรัฐ ตามอุดมคติของผู้ประกอบการ จึงไม่ใช่การ ขอ” งบประมาณ   แต่เป็นการเจรจากัน ว่ามหาวิทยาลัยนั้นๆ จะทำประโยชน์อะไรบ้าง ให้แก่สังคม   โดยรัฐ ซื้อ” บริการเหล่านั้น ตามอัตราที่เหมาะสม กับคุณภาพของผลงาน ของมหาวิทยาลัยนั้น ที่เคยทำผลงานไว้

วิธีคิดแบบนี้ เหมาะสมสอดคล้องกับสังคมไทยเพียงใด   ผมไม่มีคำตอบ   เพราะสังคมของเรา ยังมีลักษณะสังคมอุปถัมภ์ หรือต่างตอบแทนกัน แบบพวกใครพวกมัน    ไม่ได้เน้นที่การซื้อบริการตามคุณภาพ ของผลงาน

ที่เราไปศึกษาดูงาน ได้เห็นความแตกต่างอย่างยิ่ง ระหว่างความเป็นผู้ประกอบการของ University of Northampton  กับ UCL (University College London)   เพราะสองมหาวิทยาลัยนี้มี สินทรัพย์” แตกต่างกัน   คือ UCL เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยชั้นเยี่ยมของโลก   มีผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในขั้นแนวหน้า    ดังนั้น กิจกรรมของ Social Enterprise ของเขาที่ชื่อ UCL Business ก็คือ TLO (Technology Licensing Office) ในชื่อเก่านั่นเอง   และกิจกรรม SE ของนักศึกษาของ UCL ก็มักอยู่บน technology platform ที่ได้จากผลงานวิจัย ของมหาวิทยาลัยนั่นเอง   ดังกรณีที่ศาสตราจารย์ Muki Haklay เล่าให้เราฟังเรื่อง ‘Extreme Citizen Science’ Group ที่ผนวกพลังพลเมือง (citizen) กับพลังเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน   เพื่อทำประโยชน์ให้แก่สังคม   โดยที่ในที่นี้เทคโนโลยีคือ Web-based mapping โดยใช้ GPS    กิจกรรมหนึ่งที่กลุ่มนี้ทำ คือทำแผนที่เสียงรบกวน ที่ก่อมลภาวะทางเสียง (noise pollution)  และอาจจำไปประยุกต์ใช้ดำเนินการแก้ปัญหาสังคมได้อีกมากมาย อาจารย์ผู้นี้ได้ตั้ง SE ชื่อ Mapping for Change โดยได้รับการสนับสนุนจาก UnLtd

แต่ SE ของ University of Northampton จุดแข็งคือนโยบายของมหาวิทยาลัย ที่ถือว่าตัวมหาวิทยาลัย ทั้งมหาวิทยาลัย เป็นSE (Social Entreprise)  และทำหน้าที่สร้างคนรุ่นใหม่ที่มีทักษะผู้ประกอบการ และมีจิตสาธารณะ คือเป็น Social Entrepreneur  เท่าที่เราไปฟังนักศึกษา ๓ กลุ่มมาเล่ากิจการ SE ของเขา   ก็อยู่บนฐานของความริเริ่มสร้างสรรค์ และประสบการณ์ของนักศึกษาแต่ละกลุ่มเป็นหลัก   โดย นศ. คนที่ผมประทับใจที่สุดคือคุณ Marvin คนผิวดำผู้กลับใจ    จากเป็นเด็กเกเร ก่อปัญหาให้แก่สังคม   กลายเป็นนักธุรกิจ ตั้งบริษัทฝึกอบรมศิลปะการออกแบบ เพื่อการค้นพบตนเองของเยาวชน

อีกมิติหนึ่งของมหาวิทยาลัย นอร์ธแทมตัน ในการยกระดับความเป็นมหาวิทยาลัย SE ของตน    คือการเข้าไปถือหุ้นของ CIC(Community Interested Company)  ชื่อ Goodwill Solutions เพื่อใช้ฐานธุรกิจ เพื่อสังคมของ Goodwill Solutions เป็นที่ฝึกจิตใจเพื่อสังคมให้แก่นักศึกษา และเพื่อทำงานวิชาการด้าน ธุรกิจเพื่อสังคม จากประสบการณ์ของ Goodwill Solutions

ส่วน SE ของมหาวิทยาลัย อ็อกซฟอร์ด เน้นทำงานวิชาการด้านนี้

Entrepreneurship ในระดับอาจารย์   อาจารย์ต้องแสดงความสามารถในการหารายได้ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม   หรือกล่าวใหม่ว่า ต้องแสดงหลักฐานว่า ทำไมต้องมีตนเองอยู่ในหน่วยงาน หรืออยู่ในมหาวิทยาลัย   ไม่ใช่บอกว่าตนเองสมัครเข้ามาทำงานแล้ว ต้องได้รับความมั่นคงในหน้าที่การงาน และรายได้

รายการดูงานรายการสุดท้ายเป็นหน่วยงานส่งเสริมวิญญาณนักประกอบการ (นักประกอบการทั่วไป ไม่ใช่นักประกอบการสังคม) ให้แก่นักศึกษา ชื่อ NACUE (The National Association of College and University Entrepreneurs)    ซึ่งเป็นหน่วยงานไม่ค้ากำไร ตั้งขึ้นโดยนักศึกษา เมื่อ ๔ ปีที่แล้ว    โดยทำกิจกรรม ๓ กลุ่ม  (๑)​ เชื่อมโยงเครือข่าย ด้วยวิธีการที่หลากหลาย รวมทั้งการสนับสนุนให้เกิดธุรกิจโดยนักศึกษา   (๒) จัดอีเว้นท์ และการประชุม  (๓) ทำวิจัย และสื่อสารนโยบาย

เนื่องจากทั้งรัฐบาล และหลายๆ ฝ่ายในสหราชอาณาจักร มองว่าประเทศจะพัฒนาและแข่งขันได้ในยุคนี้   ความสามารถในการเป็นผู้ประกอบการเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งอย่างหนึ่ง NACUE จึงพัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ในเวลา ๔ ปี   โดยตอนนี้มีเจ้าหน้าที่ ๔๐ คน   อายุเฉลี่ย ๒๓ ปี   นี่คือตัวอย่างของความเป็นผู้ประกอบการตัวจริง

ความเป็นผู้ประกอบการมี ๒ แบบ   คือประกอบธุรกิจเพื่อกำไรตามแบบธุรกิจทั่วๆ ไป    กับ ประกอบการเพื่อสังคม   โดยที่ ๒ แบบนี้ไม่แยกกันเด็ดขาด    เพราะธุรกิจค้ากำไร ก็ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ ของสังคมด้วย   ต้องไม่ประกอบธุรกิจโดยหวังกำไรสูงสุด โดยไม่เอาใจใส่ว่าตัวธุรกิจนั้นก่อผลร้ายต่อสังคม อย่างไรบ้าง    ไม่สนใจลดผลร้ายลงไป   ซึ่งนี่คือหลักการการประกอบธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสังคม    สรุปว่า ธุรกิจแบบแรก เน้นกำไรที่เป็นตัวเงินเป็นหลัก   ความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นรอง

ความเป็นผู้ประกอบการแบบที่สอง เน้นผลประโยชน์ต่อสังคมเป็นหลัก    เงินกำไรเป็นรอง

ใน Ppt นำเสนอของ Prof. Muki Haklay ระบุนิยามของคำว่า ผู้ประกอบการสังคม (Social Entrepreneur) ดังนี้

- UnLtd นิยามว่า เป็นบุคคลที่มีวิสัยทัศน์  แรงบันดาลใจ  ความมุ่งมั่น  และการลงมือทำ เพื่อเปลี่ยนโลกให้ดีกว่าที่เป็นอยู่

- Ashoka นิยามว่า เป็นบุคคลที่มีวิธีที่แปลกใหม่ ในการแก้ปัญหาที่สำคัญของสังคม   เป็นคนที่ทะเยอทะยาน และลงมือทำอย่างคงเส้นคงวา   เข้าไปแก้ปัญหาสำคัญของสังคม   และเสนอแนวความคิดใหม่   เพื่อการเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง

ผมเขียนบันทึกนี้แบบตีความสุดๆ   ไม่ทราบว่าเป็นการตีความเข้าป่าเข้าดง   ไปหรือไม่   ท่านผู้อ่านพึงอ่านอย่างมีวิจารณญาณ

 

วิจารณ์ พานิช

๑๔ ก.ย. ๕๖

 

 

 

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย 

แก้ไขล่าสุด ใน วันจันทร์ที่ 03 มีนาคม 2014 เวลา 22:27 น.
 

ชีวิตที่พอเพียง : ๒๐๑๗. สังสรรค์เสวนากันเอง ในกลุ่มผู้ร่วมดูงาน ที่มหาวิทยาลัย Northampton

พิมพ์ PDF

ช้าวันจันทร์ที่ ๙ ก.ย. ๕๖ ฟ้าต้อนรับคณะของเราด้วยรุ้งกินน้ำสองวงซ้อน โดยที่ฝนตกตั้งแต่ ฟ้ายังไม่สาง    และเมื่อ อวิม(วณิชาชื่นกองแก้วสวมเสื้อกันฝนออกไปวิ่งได้สักครูก็กลับมาเอากล้องถ่ายรูป บอกว่ามีรุ้งกินน้ำสองวง สวยมาก    ผมจึงได้ออกไปถ่ายรูปรุ้งกินน้ำเหนือฟ้ามหาวิทยาลัย นอร์ธแทมตัน กับเข้าด้วย    ได้ผสมโรงวิ่งออกกำลังท่ามกลาวฝนพรำอยู่ ๑๕ นาที   รุ้งหายไปผมก็กลับ

ระหว่างนั่งรัประทานอาหารเช้าที่ Sunley Conference Centre   กัน ๔ คน มี ดร. กีร์รัตน์ สงวนไทร อธิการบดี มวล., ผศ. ดร. ชลวิทย์ เจียรจิตต์ คณบดีคณะสังคมศาสตร์ มศว., และ อ.สมาน ศรีสะอาด รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มรภ. มหาสารคาม และผม    ตอนหนึ่ง ดร. ชลวิทย์เล่าเรื่องประสบการณ์ ๑ สัปดาห์ ของท่านที่สวนโมกข์   และเล่าเรื่องท่านพุทธทาสสอนคุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช แบบไม่สอน   โดย ดร. ชลวิทย์ ฟังจากปากของคุณหญิงพรทิพย์โดยตรง

ราวๆ ปี ๒๕๒๓ ๒๔ มีการเปลี่ยนแปลงค่าเงิน เงินบาทราคาตกลงไปมาก    ทำให้หนี้สินของบริษัท ของคุณหญิงพรทิพย์เพิ่มขึ้นมากมาย   คุณหญิงเป็นทุกข์มาก   หาวิธีผ่อนคลายความทุกข์อย่างไร ก็ไม่สำเร็จ   จึงไปหาท่านพุทธทาสที่สวนโมกข์   ได้เข้าไปเล่าความทุกข์อย่างยืดยามโดยท่านพุทธทาสนั่งฟังอย่างสงบ   ไม่ขัดจังหวะใดๆ    จนคุณหญิงหยุดเล่า    ท่านก็เอ่ยว่าให้ไปยกก้อนหินก้อนโน้น (ซึ่งก้อนโตหนักมาก    พอยกขึ้นก็ต้องวางทันที) แล้วกลับมาคุยกันใหม่

เมื่อกลับมาท่านก็ถามว่า ก้อนหินหนักไหม   ตอบว่าหนักมาก   ท่านถามต่อว่า เมื่อวางลงเสียแล้ว เป็นอย่างไร    คุณหญิงซึ่งเป็นคนมีปัญญาก็สว่างวาบทันทีว่า    ที่ท่านทุกข์ก็เพราะไม่ปล่อยวางนี่เอง

ผมได้จังหวะ จึงบอกวงสนทนาว่า    นี่คือการสอนแบบเซน สอนแบบไม่สอน ให้สัมผัสเอง และตระหนักรู้เอง    ดีกว่าการสอนด้วยคำพูดร้อยเท่า    เพราะได้ความรู้จากการตระหนักรู้ด้วยตนเอง    ตรงกับหลัก 21st Century Learning หรือ Cognitive Psychologyสมัยใหม่   ที่ต้องเรียนโดยลงมือปฏิบัติ    แล้วไตร่ตรองสำนึกรู้ของตนเอง เกิดความรู้ มือหนึ่ง ก็จะเกิดสภาพที่ รู้จริง”    แตกต่างจากกรรับถ่ายทอดความรู้ ‘มือสอง’ มาจากผู้อื่น ยากที่จะรู้จริง

ดร. กีร์รัตน์ ชวนคุยเรื่อง เหตุเกิดที่สวนโมกข์ในขณะนี้   จึงได้คุยกันเรื่องอติมานะ และกิเลสอื่นๆ ของสมมติสงฆ์   ที่วงการสงฆ์ไทยหลงตามอย่างวงการฆราวาส   ดังนั้น แทนที่สงฆ์จะตั้งหน้าฝึกฝนเรียนรู้ วิธีดำรงชีวิตที่กิเลสเบาบาง    เอาไว้ช่วยฆราวาสยามทุกข์   สมมติสงฆ์เองกลับมีกิเลสหนา และเกิดเหตุการณ์ที่  ไม่พึงเกิดกับสงฆ์อยู่บ่อยๆ

ผมเล่าให้ฟังว่า ผมไม่สนิทกับสวนโมกข์    ไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือสวนโมกข์หากไม่ได้รับการร้องขอ   คนที่สนิทกับสวนโมกข์มากสมัยที่ท่านพุทธทาสยังอยู่  และสมัยท่านอาจารย์โพธิ์ คือ นพ. บัญชา พงษ์พานิช   ที่เป็นผู้อำนวยการหอจดหมายเหตุพุทธทาสในขณะนี้

 

 

วิจารณ์ พานิช

๑๐ ก.ย. ๕๖

Sunley Conference Centre, U of Northampton

แก้ไขล่าสุด ใน วันจันทร์ที่ 03 มีนาคม 2014 เวลา 22:56 น.
 

เรียนรู้วิธีลดคอรัปชั่นจากฮ่องกง : 1. คณะกรรมาธิการอิสระต่อต้านคอรัปชั่น

พิมพ์ PDF
ICAC ทำงาน ๓ ด้าน คือสอบสวน ป้องกัน และการศึกษาแก่ชุมชน

เรียนรู้วิธีลดคอรัปชั่นจากฮ่องกง : 1. คณะกรรมาธิการอิสระต่อต้านคอรัปชั่น

คุณ Dominic Regester, Deputy Director Education, East Asia ของ บริติชเคาน์ซิล เป็นผู้สะกิดใจผมว่า ตัวอย่างของประเทศที่แก้ปัญหาคอรัปชั่นอย่างได้ผลมีอยู่    คือประเทศฮ่องกง    ที่ช่วงก่อนคริสตทศวรรษที่ 1970 คอรัปชั่นในฮ่องกงรุนแรงมาก   จึงมีมาตรการแก้ปัญหาดังกล่าว    และได้ผลจริงๆ โดยผมเชื่อว่าต้องทำอย่างเป็นระบบ และระยะยาว

ผมกลับมาค้น กูเกิ้ล ที่บ้าน   พบเรื่อง Independent Commission against Corruption (Hong Kong) (ICAC)   ที่ตั้งโดยผู้ว่าราชการของฮ่องกง ในปี ค.ศ. 1974 สมัยยังอยู่ใต้ปกครองของอังกฤษ โดยมีเป้าหมายลดคอรัปชั่นในหน่วยราชการ    ใช้ ๓ มาตรการ คือ การบังคับใช้กฎหมาย  การป้องกัน  และการศึกษาของชุมชน

ICAC เป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นตามกฎหมาย    มีฐานะเป็นองค์กรที่เป็นอิสระจากราชการ    รายงานตรงต่อผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง    และผู้บริหารสูงสุดเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมาธิการชุดนี้    โดยหลังปี 1997 ที่ฮ่องกงกลับมาอยู่ใต้ปกครองของจีน   คณะกรรมาธิการชุดนี้ตั้งโดยสภาสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยคำแนะนำของผู้ว่าราชการฮ่องกง

บทความที่เอ่ยถึงข้างบนใน Wikipedia เล่าเหตุการณ์ที่เป็นต้นเหตุของการระบาดของโรคคอรัปชั่นในสังคมฮ่องกง    มาจากความสำเร็จในการพัฒนาธุรกิจหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒    แต่อัตราเงินเดือนของข้าราชการต่ำมาก   เกิดการเรียก(และให้)เงินใต้โต๊ะอย่างแพร่หลาย   โดยตอนนั้นหน่วยปราบคอรัปชั่นอยู่ที่ตำรวจ   แต่พบว่าตำรวจนั่นแหละเป็นตัวการ   มาตรการต่อต้านและปราบคอรัปชั่นโดยกลไกตำรวจไร้ผล   และคอรัปชั่นระบาดไปทั่วทุกวงการ   ไม่ใช่เฉพาะในราชการ

เมื่อตั้ง ICAC คนฮ่องกงไม่เชื่อถือ   เยาะเย้ยกันว่า ย่อจาก I Can Accept Cash   และเจ้าหน้าที่ของ ICAC ในช่วงแรกมาจากตำรวจ และทำงานไม่เป็น   คือทำเป็นแค่ไล่จับมาสอบสวน

แต่ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1970 นั่นเอง ICAC ทำงานใหญ่    ดำเนินการสอบสวนข้าราชการที่ต้องสงสัยจำนวนมาก    คนผิดชัดเจนถูกลงโทษ ถูกปลด   คนที่ผิดบางคนถูกปลด แต่ไม่ลงโทษรุนแรง    มาตรการของ ICAC ทำให้ฮ่องกงเป็นประเทศที่ยอมรับกันว่า สะอาดจากคอรัปชั่น ดีกว่าประเทศอื่นๆ ส่วนใหญ่ในโลก

ช่วงทศวรรษ 1990 พบการทำผิดโดยสมาชิกของ ICAC เอง   แต่แปลกที่บทความนี้บอกว่า ภาพลักษณ์ของ ICAC ไม่เสียหายมากนัก   เดาว่าคงจะเป็นเพราะผลงานดี

เมื่อฮ่องกงกลับมาอยู่กับจีน รัฐสภาจีน ออกกฎหมายตั้ง ICAC   ทำให้ ICAC ยิ่งมีฐานะมั่นคง    และในปี 2005 ICAC แจ้งจับคอรัปชั่นจากหลักฐานการสืบข้อมูลลับ    และศาลยอมรับหลักฐานนั้น และลงโทษผู้ผิด    และในปีต่อมาก็มีการออกกฎหมายกำหนดวิธีการให้ ICAC สืบข้อมูลลับได้

ในปี 2003 เจ้าหน้าที่สอบสวนของ ICAC ถูกสอบสวนและลงโทษจำคุก ๙ เดือน ฐานให้ข้อมูลเท็จ    เป็นการทำผิดครั้งเดียวของเจ้าหน้าที่ของ ICAC 

ย้ำอีกทีว่า ICAC ทำงาน ๓ ด้าน   คือสอบสวน  ป้องกัน  และการศึกษาแก่ชุมชน    แม้ว่าเจ้าหน้าที่ ๓ ใน ๔ อยู่ในแผนกสอบสวน    แต่ ICAC ก็ให้ความสำคัญต่อการป้องกันและการศึกษาเท่าเทียมกับการสอบสวน    โดยได้พยายามเปลี่ยนความคิดของผู้คน ให้ไม่ยอมรับการติดสินบนหรือเงินตอบแทน   และหากประชาชนเดือดร้อนจากการไม่ยอมรับการติดสินบน ICAC จะเข้าไปสอบสวน

ที่น่าทึ่งคือ มีการสร้างหนังเรื่อง I Corrupt All Cops เพื่อเผยแพร่ผลงานของ ICAP ด้วย   โดยตัวอักษรย่อของชื่อหนังคือ I. C. A. C.

วิจารณ์ พานิช

๑๓ ต.ค. ๕๖

 

 

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย 

แก้ไขล่าสุด ใน วันจันทร์ที่ 03 มีนาคม 2014 เวลา 23:03 น.
 

ห้องเรียนกลับทางภาคปฏิบัติ (2)

พิมพ์ PDF
กำหนดกติกาเพิ่มให้แต่ละกลุ่มถามคำถามเพื่อนกลุ่มละ 1 คำถาม เพื่อร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ... คำถามเดียวเท่านั้น นั่นแปลว่าเขาต้องช่วยกันคิดคำถาม

ห้องเรียนกลับทางภาคปฏิบัติ (2)

ห้องเรียนกลับทาง ครูหลังห้อง (2)

ดร.วัฒนา รัตนพรหม รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและวิเทศสัมพันธ์  มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี

………………..

ในการเรียนวิชาที่ผมสอน ช่วงแรกจะเน้นเรื่องหลักสูตร หลักสูตรแกนกลาง และหลักสูตรสถานศึกษา แต่หลังสอบกลางภาคแล้ว (สัปดาห์ที่ 10) ผมจะลงรายละเอียดในหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน  โดยให้แต่ละกลุ่มปฏิบัติ “ภารกิจเกาะติดโรงเรียน” เพื่อไปเรียนรู้จากของจริงในสถานที่จริงด้วยตนเอง ในประเด็น “จากมาตรฐานการเรียนรู้สู่ชั้นเรียน” โดยก่อนไปที่โรงเรียนให้มาช่วยกันวางกรอบในเรื่องที่จะทำการศึกษา  โดยเฉพาะประเด็นการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ครูที่โรงเรียนเขาทำกันอย่างไร การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้แบบย้อนกลับ (Backward Design) ในโรงเรียนทำกันอย่างไร การกำหนดสาระการเรียนรู้เพิ่มเติมเป็นอย่างไร สาระการเรียนรู้เพิ่มเติมนั้นคืออะไร เพราะเหตุใด และปัญหาอุปสรรค์ในการจัดการเรียนการสอน  ซึ่งแต่ละกลุ่มก็ช่วยกันเตรียมคำถามเพื่อไปสัมภาษณ์ครูที่โรงเรียน

จากนั้นในสัปดาห์ที่ 11 ผมก็อนุญาตให้นักศึกษา “ไม่ต้องเข้าชั้นเรียน” ให้ไป “เรียนรู้นอกสถานที่”ในโรงเรียนที่เลือก เป็นการทะลายกำแพงห้องเรียน 5402 ออกไปสู่โลกความเป็นจริง ... ใครหละจะพูดเรื่องโรงเรียนได้ดีเท่ากับครูในโรงเรียน  .... ผมใช้เวลาอีก สัปดาห์ (12 -14) สำหรับการนำเสนอผลงาน กลุ่ม บรรยากาศสนุกสนานกลับมาอีกครั้ง แต่ละกลุ่มพร้อมจะโชว์เพาว์ของกลุ่มตัวเอง ครั้งนี้ผมกำหนดกติกาเพิ่มให้แต่ละกลุ่มถามคำถามเพื่อกลุ่มละ คำถาม เพื่อร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ... คำถามเดียวเท่านั้น นั่นแปลว่าเขาต้องช่วยกันคิดคำถาม บางกลุ่มคิดไม่ออกสักคำถาม บางกลุ่มมีมากกว่า คำถาม แต่ถูกบังคับแค่ คำถามเลยต้องคุยกันว่าจะถามอะไรดี   ซึ่งผมพบว่านักศึกษาตั้งคำถามได้แต่ไม่ดีต้องคอยช่วยปรับคำถามให้เป็นคำถามที่นำไปสู่การเรียนรู้ (Essential Question) มากขึ้น

ผมเสียดายศักยภาพของนักศึกษาเหล่านี้เขาไม่ได้ถูกฝึกในเรื่องการ “คิดเชิงระบบ” ทำให้เขาตันในการตั้งคำถาม จังหวะนี้ผมก็เสริมและช่วยเขาตั้งคำถามจากสิ่งที่เขาพูดออกมา  กว่าจะได้คำถามแต่ละข้อก็ลุ้นกันแทบแย่ เพราะผมพยายามกระตุ้นให้กลุ่มพูดออกมา และจัดทำให้เป็นคำถาม ต้อง “ด้นสด” อีกแล้ว  ... และดูว่าจะไม่เวิร์ค เลยสลับกับการถามนำ แล้วให้แต่ละกลุ่มตอบ รวมถึงเจ้าของเรื่องด้วย

… มีคำถามน่าคิดคำถามหนึ่งถามว่า ทำไมอาจารย์จำได้ว่าเพื่อนนำเสนออะไร แล้วทำไมเขาจำไม่ได้ ผมตอบเขาไปว่าเพราะผม “ฟัง” แต่เขา “เพียงแต่ได้ยิน” นั่นแปลว่าถ้าได้ยินแล้วคิดตามเขาก็จะ “ฟัง” และเขาก็จะจำได้ว่าเพื่อนเขานำเสนออะไร  ผมจำเป็นต้องฟังอย่างตั้งใจ เพราะสิ่งที่นักศึกษานำเสนอมาไม่ได้ถูกทุกเรื่อง  ซึ่งผมต้องใช้โอกาสเหล่านี้แหละเชื่อมโยงไปสู่องค์ความรู้ที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น การ “ฟัง” จึงเป็นการสร้าง พื้นที่ปลอดภัย” ให้กับนักศึกษาผู้นำเสนอ  ทำให้เขาสามารถนำเสนอสิ่งที่สัมผัสจากโรงเรียนได้ทั้งสิ่งที่และสิ่งที่ไม่ถูก

สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้าย (15) ของการเรียนการสอนในวิชานี้ ผมสรุปประเด็นการเรียนรู้จาก “ภารกิจเกาะติดโรงเรียน” เชื่อมโยงให้นักศึกษาเห็นภาพเรื่องการศึกษาขั้นพื้นฐาน หลักสูตรแกนกลาง หลักสูตรสถานศึกษา มาตรฐานการเรียนรู้ การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ และอื่นๆ  สิ่งที่ผมสรุปให้นักศึกษานั้นวันนี้อาจไม่จำเป็นสำหรับเขาบางคนอีกแล้ว เพราะผมสังเกตเห็นว่าขณะที่ผมพูดมีหลายคนรู้ว่าผมจะพูดอะไร ... แต่บางคนอาจต้องการ

จากประสบการณ์ห้องเรียนกลับทาง ครูหลังห้องของผมครั้งนี้ ผมมีข้อสังเกตอยู่ ประการ คือ

1) โดยปกติเราจะคุ้นเคยกับการสอนหรือการเรียนรู้เชิงเส้นตรง (Linear Learning) เป็นลำดับจากง่ายไปยาก จากใกล้ตัวไปไกลตัว จากก่อนไปหลัง เป็นต้น แต่ในการจัดการเรียนการสอนแบบนี้ ทำให้การเรียนรู้ไม่เป็นลำดับ (None Linear Learning) อีกต่อไป ขอบข่ายสาระ (Scope) และ ลำดับการเรียนรู้ (Sequence) ถูกรบกวนอย่างมีนัยสำคัญ แต่โลกมันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เห็นคำสำคัญ (Keyword) ที่นักศึกษานำเสนอตรงไหนก็จะชี้ประเด็น ตั้งคำถาม และร่วมกันอภิปราย  ทำให้สิ่งที่ง่ายกว่าถูกอธิบายไปพร้อมกับสิ่งที่ยากกว่า โดยไม่ต้องรอให้เข้าใจสิ่งที่ง่ายก่อน  ติดขัดตรงไหนก็ online ได้ทันที

2) ข้อสังเกตหนึ่งที่น่ากังวลคือผลการนำเสนอทุกโรงเรียนกำหนดสาระการเรียนรู้เพิ่มเติมไม่แตกต่างจากสาระ การเรียนรู้ปกติ ...ถ้ามันเหมือนกับสาระการเรียนรู้ปกติแล้วจะเรียกว่าสาระเพิ่มเติมได้อย่างไร ...จริงอยู่ผู้เรียนอาจมีปัญหาไม่บรรลุตัวชี้วัดที่กำหนดตามหลักสูตร  ทางโรงเรียนจัดรายวิชาซ่อมเสริมเพื่อให้ผู้เรียนบรรลุมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด แต่เราคงไม่เรียกรายวิชาซ่อมเสริมเหล่านั้นว่า “สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม” ... ผมไม่รู้ว่าครูที่ให้สัมภาษณ์เข้าใจผิดคิดว่ารายวิชาซ่อมเสริมคือสาระเพิ่มเติมหรือไม่ ...นั่นหมายถึงสัญญาณอันตรายของระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างหนึ่ง ...แต่ที่แน่ๆ นักศึกษาผมไม่รู้สึกถึงความผิดปกตินี้ทั้งๆ ที่จำนิยามของสาระการเรียนรู้เพิ่มเติมได้ดี ... L

เรื่องราวที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ผมคงไม่ได้บอกว่าผมทำได้ดี หรือนี้คือสิ่งที่ดี จากการเปลี่ยนบทบาทตัวเองที่เคยเป็นจ้าวพิธีกรรม มาเป็นผู้ฟังและชวนคิด เชื่อมโยงสิ่งที่นักศึกษาค้นหามาเป็นท่อนๆ ให้เป็นเรื่องราวที่ต้องเรียนรู้ ... จากข้อสังเกต 1) อาจไม่ยุติธรรมเลยถ้าผมยังคงใช้ข้อสอบเดิมตามที่เตรียมเอาไว้ เพราะผมไม่ได้สอนเขาแบบนั้นแล้ว คาดหวังว่าเขาคงไปอ่านเองก็ผมคงได้แต่นึกเอาเอง  ผมรู้ว่าข้อสอบที่ผมกำลังนั่งออกอยู่นี้มันเป็นแบบเดิมไม่ได้ ผมต้องออกข้อสอบใหม่โดยนำประเด็นคำถามที่เกิดขึ้นในชั้นเรียนมาดัดแปลงให้เป็นข้อสอบ มันจึงจะยุติธรรมกับเขา เพราะสิ่งที่นักศึกษาเขาเรียนรู้มาเป็นการเรียนรู้เชิงหลักคิด และเราก็ใช้เวลาหมดไปกับการอภิปรายหลักคิดนั้นๆ แต่ในขณะที่รายละเอียดของเนื้อหาวิชาที่เขา “น่าจะรู้” ก็พลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย ผมคงต้องเลือกแล้วหละว่า ระหว่างจ้าวพิธีกรรม กับ ครูหลังห้อง ในแบบห้องเรียนกลับทาง ผมจะเอาแบบไหน ... แต่จากที่ผมเล่ามาทั้งหมดทุกท่านคงจะทราบแล้วว่าผมเลือกแบบไหน ...

 

 

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย 

แก้ไขล่าสุด ใน วันจันทร์ที่ 03 มีนาคม 2014 เวลา 23:15 น.
 

มหาวิทยาลัยอังกฤษ : ๖. ความเป็นเลิศหลากแนว

พิมพ์ PDF

ความเป็นเลิศหลากแนว

ในเวลาที่จำกัด และไปเพียง ๔ มหาวิทยาลัย     เราไปเห็นขบวนการ สู่ความแตกต่าง” (differentiation) ของแต่ละมหาวิทยาลัย อย่างชัดเจน

แต่ละมหาวิทยาลัยกำหนด จุดเด่น” ที่ตนเองบรรลุได้   แล้วฟันฝ่าเพื่อบรรลุ    และสื่อสารกับสังคม ว่าตนเด่นด้านใด

ผมมองว่า นี่คือหนทางแห่งความอยู่รอด และอยู่ดี ของมหาวิทยาลัยในอังกฤษ    ที่รัฐบาลกำหนดให้เดิน    และมีวิธีจัดการเชิงระบบ ให้เดินในแนวทางนี้    ไม่ใช่แนวทางโฆษณาจอมปลอม    ไม่ใช่แนวทางเพื่อปริญญา ที่ได้มาโดยง่าย

มหาวิทยาลัย Northamton ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีอายุไม่ถึง ๑๐ ปี ระบุในเอกสารแนะนำมหาวิทยาลัย หัวข้อ Awards and Achievements  ว่าเขาเน้นที่การพัฒนาประสบการณ์ของนักศึกษา    ซึ่งส่งผลให้เขา ประสบความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจคือ

· อันดับ ๑ ในสหราชอาณาจักร ด้าน “value added”

· อันดับ ๑ ในสหราชอาณาจักร ด้านการมีงานทำของบัณฑิต

· ได้รับรางวัล UK Midlands Enterprising University of the Year 2012 และ 2013

· ก้าวหน้าเร็วในทุก UK university league table

· ได้รับรางวัล ‘Outstanding HEI Supporting Entrepreneurship’ ของ UnLtd/HEFCE

· เป็นมหาวิทยาลัยแรกในสหราชอาณาจักรที่ได้รับยกย่องให้เป็น ‘Changemaker Campus’ ของ AshokaU

· Cliff Prior, Chief Executive, UnLtd กล่าวเมื่อเดือนมีนาคม 2013 ว่า มหาวิทยาลัย นอร์ธแทมตัน เป็นมหาวิทยาลัยผู้นำในสหราชอาณาจักรในด้านผู้ประกอบการสังคม  เป็นผู้นำที่ทิ้งห่าง”  

มหาวิทยาลัย แอสตัน ซึ่งเพิ่งยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยเมื่อปี ค.ศ. 1966 ยังไม่ครบ ๕๐ ปี    ระบุในเอกสารแนะนำความเป็นเลิศด้านต่างๆ ดังนี้

· เน้นการศึกษาด้าน business และ profession

· คำขวัญ Employable graduates, Exploitable research”

· เขานำถ้อยคำ ใน นสพซันเดย์ ไทม์ส แอสตันผลิตบัณฑิตที่ตลาดเสาะหา    บดบังรัศมีมหาวิทยาลัยแบบอ็อกซฟอร์ด” มาเสนอ    บอกความเป็นเลิศด้านการผลิตบัณฑืตของเขา

· นสพ. ซันเดย์ ไทม์ส ยากที่จะหามหาวิทยาลัยใดที่จะเทียบ แอสตัน ในความพยายามรับใช้ธุรกิจและอุตสาหกรรม

· การมี นศมาจากหลากหลายประเทศ (๑๒๐เป็นสินทรัพย์อย่างหนึ่งในการพัฒนานักศึกษา    ช่วยให้ นศเข้าใจคนในต่างภาษาต่างวัฒนธรรม    และที่สำคัญ ได้เพื่อน สำหรับความร่วมมือในอนาคต

· เป็นมหาวิทยาลัย “Top 10” ในการผลิตเศรษฐี (เดลีย์ เทเลกราฟ ๒๐๑๒)

· มีผลงานวิจัยหลายชิ้น ไปสู่ธุรกิจ และสร้างรายได้ โดยเฉพาะด้านยา   สะท้อนความเข้มแข็งในวิชาการ ด้านชีวการแพทย์    ที่ นศ. จะได้รับประโยชน์

· ระบุความเป็นเลิศด้านกระบวนการเรียนรู้ ไว้ในเอกสาร Learning and Teaching Strategy 2012 – 2020 อย่างน่าสนใจมาก

มหาวิทยาลัย อ็อกซฟอร์ด ไม่ต้องโฆษณา ใครๆ ก็อยากเข้าเรียนอยู่แล้ว    แต่เขาก็ต้องปรับปรุง พัฒนาตัวเอง    เพื่อสร้างความเข้มแข็งในระยะยาว โดย

· พัฒนาการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับยุคสมัย    โดยตั้ง Oxford Learning Institute ขึ้นมาขับเคลื่อน

· ผมตีความจากการอ่าน Strategic Plan 2013 – 2018 ว่าเขาย้ำจุดยืน “independent scholarship & academic freedom”   เป็นการบอกอย่างแนบเนียนว่า นศ. ที่เข้า อ็อกซฟอร์ด ก็เพื่อคุณค่าต่อชีวิตในระดับนี้    ไม่ทราบว่าผมตีความถูกหรือไม่

UCL ก็เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยที่มีชื่อเสียง   แต่อยู่ในลอนดอน ซึ่งมีปัญหาหลายด้านในฐานะมหานคร เก่าแก่    ความเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่มีผลงานและชื่อเสียง    และตั้งอยู่ในลอนดอนเป็นโอกาสอย่างยิ่ง ในการสร้างความเป็นเลิศ   โดย UCL เน้นที่

· เป็น Global University   และดำรงความเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อคนทุกสถานะทางสังคม ตามปณิธานของการก่อตั้งเมื่อเกือบ ๒๐๐ ปีก่อน และมีความเป็นเลิศด้านการวิจัยในขั้น discovery หรือ basic research    ดังเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย ที่นี่

· สร้างความเป็นผู้ประกอบการ และผู้ประกอบการทางสังคม ตามในบันทึกตอนที่ ๕

· สร้างจิตอาสา หรือจิตสาธารณะ   ดังใน เว็บไซต์

ความเป็นเลิศด้านวิชาการโดดๆ  กำลังถูกท้าทายโดย ความเป็นเลิศในการสร้างคุณค่าให้แก่นักศึกษา”  ทุกมหาวิทยาลัยต้องทำความชัดเจน    ดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น   และสื่อสารเป้าหมายและผลสำเร็จ ต่อสังคม

ผมขอเสนอว่า ประเทศไทยต้องมีการจัดการเชิงระบบ    เพื่อขับเคลื่อนความเป็นเลิศหลากแนวของ สถาบันอุดมศึกษาของประเทศ    เพื่อใช้เป็นกลไกสร้างความกระตือรือร้นมีชีวิตชีวา ในวงการอุดมศึกษา     โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่นักศึกษาและอาจารย์    ในการทำงานสร้างสรรค์ให้แก่ประเทศ    วิธีการที่ใช้ในปัจจุบัน เป็นวิธีการที่ผิด เพราะเน้นการควบคุม-สั่งการ

 

 

วิจารณ์ พานิช

๓๐ ก.ย. ๕๖

 

 

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย 

แก้ไขล่าสุด ใน วันจันทร์ที่ 03 มีนาคม 2014 เวลา 23:25 น.
 


หน้า 381 จาก 558
Home

About Us

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (ศบม.) เป็นองค์กรที่พัฒนาและจัดทำโครงการเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม เป็นองค์กรสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการภาคธุรกิจบริการที่ขาดแคลนบุคลากรที่มีมาตรฐานในการให้บริการ
อ่านเพิ่มเติม

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5605
Content : 3049
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8599442

facebook

Twitter


บทความเก่า