ในช่วง 4-5 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้ทำงานในระดับชุมชนหลายเรื่อง ดังที่ได้รายงานท่านผู้อ่านเป็นประจำ แต่เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมามีประชุมคณะกรรมการระดับชาติ\ฝ่ายสังคมศาสตร์ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งชาติ (ยูเนสโก) ครั้งที่ 1/2559 แต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรี ซึ่งผมได้รับเกียรติเป็นกรรมการชุดนี้มากว่า 15 ปีแล้ว
คณะกรรมการชุดนี้ได้ปรับวิธีการทำงานใหม่มีนวัตกรรมโดยมีอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศาสตราจารย์สมคิด เลิศไพฑูรย์ เป็นประธานและมีรองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์นิธินันท์ วิศเวศวร เป็นผู้ประสานภายใต้การนำของอธิการบดี แต่ยังมีกระทรวงศึกษาธิการทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการจัดประชุมคณะกรรมการชุดนี้อย่างต่อเนื่อง ทุก 3 เดือน มีแนวทางที่จะทำให้บทบาทของ UNESCO เรื่องสังคมต่อประเทศไทยมีคุณค่าสูงขึ้น เน้นคนไทยได้อะไรจาก UNESCO ไม่ใช่รู้กันแค่เจ้าหน้าที่ไม่กี่คนหรือบางประเทศ เช่น เกาหลีมีหน่วยงานพิเศษที่จะนำเอาความรู้ของ UNESCO มาใช้อย่างเต็มที่
การประชุมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เป็นการทำงานเชิงรุกเพื่อนำข้อสรุปต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ของ UNESCO ให้คนไทย หรือผู้เกี่ยวข้องในประเทศได้รับทราบ ผมและทีมงานจะเป็นแนวร่วมกับคณะกรรมการชุดนี้ด้วย เพราะ UNESCO เป็นองค์กรที่มีหน้าที่รับผิดชอบระดับโลกในหลายเรื่องใหญ่ๆ เช่น
- วัฒนธรรม
- วิทยาศาสตร์
- การศึกษา
- มรดกโลก
- กีฬา
- การประชาสัมพันธ์และสื่อ
การประชุมคณะกรรมการฝ่ายสังคมศาสตร์ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งชาติ(ยูเนสโก) ครั้งที่ 1/2559 เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559
จุดที่น่าสนใจคือ กระทรวงศึกษาธิการปรับวิธีการทำงาน หรือเรียกว่าเป็นนวัตกรรมทางการบริหารจัดการ ได้ขอให้อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นประธาน ซึ่งอธิการบดี ศาสตราจารย์สมคิด เลิศไพฑูรย์ มีความคิดอย่างดีที่จะทำให้งานต่างๆ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้แสดงศักยภาพที่เด่นชัดในการนำคณะกรรมการชุดสังคมศาสตร์ให้มีบทบาทต่อคนไทยและประเทศไทยเป็นรูปธรรมอย่างน่าภูมิใจในการประชุม UNESCO ปี 2558 UNESCO ได้ยกย่องบุคคล 2 ท่านของประเทศไทย ท่านหนึ่งเป็นปูชนียบุคคลของธรรมศาสตร์ด้วยคือ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ และอีกท่านคือ ม.ร.ว.เปีย มาลากุล นอกจากนั้น ยังจะผลักดันคณะกรรมการโครงการจัดการการเปลี่ยนแปลงทางสังคม (MOST : Management of Social Transformations) ซึ่งจะมีกรรมการชุดใหม่ระดับชาติขึ้นในประเทศไทย ผมมีข้อเสนอว่าตั้งกรรมการได้ แต่ต้องมีวิธีการทำงานที่เน้นความสำเร็จในบทบาทของหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานวิจัยของมหาวิทยาลัยหรือหน่วยงานอื่นๆ ทั้งภาคประชาชนและต้องกระจายการทำงานไปต่างจังหวัดด้วย
ข้อดีของ MOST คือ การนำเอางานวิจัยระดับนโยบาย เรียกว่า Policy and Knowledge สาขาสังคมศาสตร์ระดับโลกมาดูผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทุกระดับในสังคมโดยเฉพาะคนในสังคมโลก
ต้องกระตุ้นการทำงานเป็นทีมประกอบไปด้วยทีมกระทรวงศึกษาธิการ ทีมธรรมศาสตร์ และทีมของผมซึ่งมีประสบการณ์มากมายในการทำงานแบบ National ว่าจะปรับตัวอย่างไร เช่น
- การเปิดเสรีทางการค้า และการเข้าสู่ ASEAN
- ปัญหาของผู้อพยพระหว่างประเทศ
- ประชานิยมกับผลกระทบต่อระดับรากหญ้า
- การใช้ Digital Technology เพื่อการปรับตัว
- การพัฒนาที่ยั่งยืน
- ปัญหาผู้สูงอายุ
- ภาวะโลกร้อน
- ปัญหาค่านิยมเพื่อเงิน
- การขัดแย้งของวัฒนธรรม เช่น Isis
- ปัญหา Corruption
คือการนำประสบการณ์ในการทำงานระดับรากหญ้าของผมที่ทำต่อเนื่อง มากว่า 4 ปีแล้ว อาจจะเป็นกรณีศึกษาให้ UNESCO โลกนำไปวิเคราะห์เพราะงานท่องเที่ยวกับกีฬาของผมก็คือการเปลี่ยนแปลงของสังคมเช่นกัน ตั้งใจใช้กรณีศึกษาของผมบวกกับเศรษฐกิจพอเพียงให้คนในโลกได้ทราบมากขึ้น
ในการประชุม ผมได้แสดงจุดยืนที่จะสนับสนุนงานของ UNESCO ทางสังคมศาสตร์มากขึ้น เพราะเป็นงานที่มีประโยชน์ต่อประเทศไทยและคนไทยอย่างมาก ผมจะช่วยขยายและถ่ายทอดข้อมูลต่างๆ ในรายการวิทยุ และโทรทัศน์อย่างต่อเนื่องและภูมิใจที่มีโอกาสใช้เป็นบทบาทนำของธรรมศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง
อย่างน้อยยังได้มีโอกาสรับใช้ประเทศและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมีส่วนที่ให้งานของผมปัจจุบันมีคุณค่าต่อสังคมโลกและสังคมไทยครับ
จีระ หงส์ลดารมภ์
อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน
คัดลอกจาก บทเรียนจากความจริง ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม 2559
< ย้อนกลับ | ถัดไป > |
---|