Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Home > Articles > การเงิน > บทเรียนจากปี 2540

บทเรียนจากปี 2540

พิมพ์ PDF

(April 5) "บทเรียนจากปี 40" ช่วงนี้ เมื่อเห็นความคึกคักในส่วนต่างๆ ของเศรษฐกิจไทย ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น ตลาดอสังหาฯ การใช้จ่ายของประชาชน ทำให้อดนึกย้อนกลับไปถึงช่วงก่อนเกิดวิกฤติปี 40 ไม่ได้ เพราะสิ่งที่เคยเป็นตัวเรา ที่ได้ห่างหายไปเกือบ 16 ปี กำลังหวนกลับคืนมาอีกรอบ
คนไทยกำลังมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเรื่อยๆ 

๐ นักลงทุน ลงทุนกันอย่างสนุกสนาน คึกคัก ประเภทหยุดไม่อยู่ ห้ามไม่ฟัง (แม้ตลาดหุ้นจะมี correction แล้ว 2 ครั้งก็ตาม) ยังกล้าลงทุนในบริษัทต่างๆ ที่ไม่ได้แม้แต่จะรู้ว่า บริษัทนั้นทำธุรกิจอะไร แพงแล้วแค่ไหน เพียงเพราะเชื่อกันว่า ช่วงนี้ “หุ้นตัวนี้กำลังมา” “เจ้ากำลังเข้า” “ลงแล้วได้เงินแน่” ประเภทจิ้มตัวไหนก็ขึ้น กระทั่งคนที่ไม่เคยเล่นหุ้นมาก่อน ก็ดาหน้ากันเข้ามาขอเปิดบัญชี ขอลิ้มรสความรวยอย่างสบายๆ กับเขาสักครั้ง 

๐ ภาคอสังหาริมทรัพย์ แย่งเปิดโครงการกันไม่เว้นแต่ละวัน จบโครงการหนึ่งก็ไปเริ่มอีกสองโครงการ ทุกอย่างเป็นเงินไปหมด แข่งกันสร้าง แย่งกันซื้อที่ดิน เพราะคิดว่า เดี๋ยวราคาที่ดินก็พุ่งขึ้นไปอีก จนราคาที่ดินในบางจังหวัด เพิ่มมากกว่า 80-90% ในปีที่ผ่านมา ส่วนคอนโด ก็แย่งกันซื้อมาเก็บ บางครอบครัวก็มีกันแล้วหลายห้อง เพราะคิดว่า เดี๋ยวจะไปขายต่อ และราคาคอนโดจะขึ้นไปได้อีก และก็คุ้นๆ เช่นกัน ที่เมื่อมีคนพูดขึ้นว่า “กำลังมีฟองสบู่หรือเปล่า” ก็ปฏิเสธกันเป็นพัลวัน หาเหตุผลมาแย้งว่า ทุกอย่างกำลังไปได้ดี มีความต้องการซื้อจริงๆ 

๐ ผู้บริโภค กล้าจับจ่ายใช้สอย จะไม่ให้กล้าจับจ่ายใช้สอยได้อย่างไร ก็ได้เงินมากันง่ายๆ เช่นนี้ จิ้มหุ้นไปตัวสองตัว ได้เงินเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้าน พอได้เงินมา ก็นำไปบริโภคสิ่งต่างๆ กระเป๋าใบใหม่ เสื้อผ้าใหม่ รถคันใหม่ แบรนด์เนมต่างๆ ทานอาหารหรูๆ ใช้จ่ายเหมือนเงินไม่มีหมด 

๐ บริษัท มั่นใจขึ้นเรื่อยๆ กล้าที่จะลงทุนกันมากขึ้น คิดการใหญ่กันมากขึ้น แม้ช่วงนี้ยังลงทุนอยู่ในกรอบที่ตนสันทัด แต่ในช่วงต่อไป เมื่อทุกอย่างเฟื่องฟูกว่านี้ ก็คงอดไม่ได้ ที่จะขยายไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่โอกาสเปิดขึ้น 

๐ กระทั่งธนาคารเอง แย่งกันปล่อยสินเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบุคคล รถยนต์ บ้าน สินเชื่อธุรกิจ ใหญ่ กลาง เล็ก เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาด และเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจขาขึ้น 

ทุกอย่างเหล่านี้ เราได้ผ่านมาเมื่อ 16-17 ปีที่แล้วทั้งนั้น โดยในช่วงก่อนเกิดวิกฤติ หลายคนก็เคยรู้สึกกันอย่างนี้มาแล้วทีหนึ่ง ที่คิดว่า “เราทำได้” “ทุกอย่างเป็นไปได้” “อีกไม่นานเราก็จะเป็นเสือตัวที่ห้าของเอเชีย” แข่งขันกันโต แข่งขันกันวิ่งไปข้างหน้า แข่งขันกันทำธุรกิจ อย่างไม่เกรงกลัวอะไร 

ในประเด็นนี้ ถ้ากันพูดตามจริง การที่เรามีความเชื่อมั่นในตนเองเพิ่มขึ้น เป็นสิ่งที่ดี เพราะเราเสียความมั่นใจกันไปมากในปี 40 ทำให้ประเทศไทยขับเคลื่อนเดินต่อไปได้อย่างช้าๆ ในช่วงที่ผ่านมา จนคู่แข่งของเรา อย่างมาเลเซีย จีน แซงหน้าเราไปได้ แต่ถ้าเราจะกล้ากันมากขึ้น เราต้องหา “สมดุลที่เหมาะสม” ไม่เชื่อมั่นกันจนมากเกินไป กล้าเกินไป จนเกิดความเสียหายอีกครั้ง 

สำหรับอีกหลายคน สัญญาณความคึกคักเหล่านี้เป็นระฆังเตือนภัยว่า “กระบวนการสะสมความเปราะบางของเศรษฐกิจกำลังเริ่มขึ้นอีกรอบ” และถ้าเราไม่ระวังให้ดี ก็อาจจะจบลงเช่นกับครั้งที่แล้ว ที่ต้องมานั่งล้างเช็ดแผลของเรา เสียเวลาไปกว่า 10-15 ปีกว่าที่จะกลับมาจุดเดิมได้
บทเรียนจากปี 40 คืออะไร

นักเศรษฐศาสตร์ชอบพูดว่า “วิกฤติทุกครั้งจะไม่เหมือนกัน” และประเทศไทยก็เปลี่ยนแปลงตนเอง ในกรอบนโยบายต่างๆ ไปมาก เกินกว่าที่จะกลับย้อนไปเกิดวิกฤติเหมือนปี 40 อีกครั้ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว วิกฤติทุกครั้งในประเทศต่างๆ เริ่มเหมือนๆ กัน จากความประมาท ความเชื่อมั่นเกินไปว่า เราทำได้ เราดูแลสถานการณ์ดีแล้ว ปล่อยปละให้ปัญหาและความเปราะบางต่างๆ สะสมตัวขึ้นมาได้ และมั่นใจจนลืมไปว่า ทุกประเทศสามารถเกิดวิกฤติได้ ไม่ว่าจะพัฒนาไปแล้วแค่ไหนก็ตาม กระทั่งสหรัฐ ยุโรปที่ว่าพัฒนาไปไกลเกินกว่าคนอื่นๆ ก็ยังตกอยู่ในภาวะวิกฤติได้เช่นกัน 

ปี 40 ให้บทเรียนหลายอย่างกับเรา ที่เราจะใช้เป็นคาถาคุ้มครองตนเองในช่วงต่อไป

บทเรียนที่ 1 - ต้องไม่ทำอะไรเกินตัว ต้องไม่คึกกับช่วงดีๆ ของเศรษฐกิจเกินไป ครั้งที่แล้วเราคึกคะนองจนเกินไป เพราะยังเป็นเด็กหนุ่มอยู่ เพิ่งได้จัดงานเลี้ยงกับเขาเป็นครั้งแรก ก็เลยสนุกไปหน่อย แต่ครั้งนี้ เราโตขึ้นมาแล้ว เป็นหนุ่มกลางคน เคยมีบทเรียนราคาแพงจากปี 40 มาแล้ว เราก็ต้องรู้จักพยายามยับยั้งชั่งใจ ไม่ทำอะไรเกินตัวไป ซึ่งส่วนนี้ ก็ต้องหวังพึ่งทุกคน ที่จะพยายามรั้งตัวเองไว้ เลือกลงทุน เลือกบริโภค เลือกขยายกิจการแบ่งยั้งๆ เพราะถ้าเราไม่ดูแลตนเอง ก็ยากที่คนอื่นจะมาช่วยเราได้

บทเรียนที่ 2 - ทางการต้องจัดการกับปัญหาแต่เนิ่นๆ อย่ารอจนพิสูจน์ได้ว่า “เป็นฟองสบู่แล้ว” แล้วจึงมาออกมาตรการ ในเรื่องนี้ ทางการจะเป็นหัวใจสำคัญ เพราะเอกชนรวมไปถึงนักลงทุน ก็พลาดได้เช่นกัน (ต้องไม่คิดว่าเอกชน ถูกเสมอ) เพราะเอกชนยากที่จะห้ามใจตนเองได้ จะห้ามได้อย่างไร ก็กำลังแข่งกันอย่างเมามันอยู่ การจะหยุดแต่เพียงคนเดียวจึงเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย ก็ต้องหวังพึ่งทางการว่า จะเป็นกรรมการกลางคอยเป่านกหวีด กำหนดกฎเกณฑ์ สั่งให้ทุกคนชะลอสิ่งต่างๆ ลงมาพร้อมๆ กัน ถ้ากรรมการตั้งอยู่บนความยุติธรรม ทุกคนก็ยอมรับกันได้

ในส่วนนี้ อุปสรรคสำคัญจะมาจากเสียงค้านจากภาคเอกชน ที่มักบอกว่า “ได้ดูข้อมูลแล้ว ยังไม่พบฟองสบู่แม้แต่นิด แล้วจะออกมาตรการทำไม” แต่ถ้าเราจะรอจนพิสูจน์กันได้ชัดๆ ว่า มีฟองสบู่เรียบร้อยในระบบเศรษฐกิจแล้ว ทุกอย่างก็จะสายเกินแก้ รอแต่วันล่มสลาย บทเรียนจากวิกฤติของทุกประเทศในช่วงที่ผ่านมาก็คือ “ถ้าจะทำมาตรการ ก็ต้องทำแต่ช่วงต้น ทำแต่เนิ่นๆ” โดยเฉพาะเมื่อเริ่มเห็นพฤติกรรมที่ผิดสังเกต เช่น ปกติราคาที่ดินเพิ่ม 10-15% แต่อยู่ๆ ก็เพิ่มเป็น 80-90% ปกติมีคอนโด 10 โครงการต่อปี อยู่ๆ มีเป็น 50-60 โครงการแย่งกันเปิด แย่งกันขาย เมื่อเห็นเช่นนี้ ทางการก็ต้องเร่งคิดว่า จะทำอย่างไรให้เอกชนไม่คึกคะนองเกินไป ทำให้โตได้ ขยายได้ แต่โตอย่างพอประมาณ ยั่งยืน ไม่จบด้วยโศกนาฏกรรม 

บทเรียนที่ 3 - ต้องรู้จักเก็บออมเอาไว้บางส่วน สร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเอง เพราะในโอกาสมีวิกฤติซ่อนอยู่เสมอ ยิ่งโอกาสดีเท่าไร วิกฤติที่ซ่อนอยู่ก็ร้ายแรงขึ้นเท่านั้น ยิ่งครั้งนี้ หลายๆ ประเทศในเอเชียกำลังเป็นที่สนใจของคนทั้งโลก กำลังได้รับเงินไหลเข้ามาพร้อมๆ กัน ถ้าเป็นเช่นนี้ คงจะมีสักประเทศ 2 ประเทศ ที่บริหารจัดการเงินไหลเข้าได้ไม่ดี ท้ายสุดต้องล้มลง วิกฤติในระบบเศรษฐกิจโลกรอบต่อไป ก็อาจเกิดขึ้นแถวๆ บ้านเราก็ได้ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น ถ้าเราไม่มีเงินเก็บออม ไม่มีสภาพคล่อง ทุกคนมีแต่หนี้ ทั้งหนี้ภาครัฐ และหนี้ภาคเอกชน วิกฤติก็คงมาถึงเรา ล้มลงในที่สุด แต่ถ้าเรารู้จักเก็บออมแต่ตอนนี้ แม้มีวิกฤติ เราก็จะพยุงตนให้ผ่านไปได้ 

นอกจากนี้ ท่ามกลางวิกฤติ ในความมืดมิด มักจะมีโอกาสที่ดีที่สุด เปิดขึ้นเสมอ ถ้าเรารู้จักถนอมตัวเองเอาไว้ได้ ไม่โหมทำลงไปหมดในช่วงที่เฟื่องฟู จนต้องมายุ่งกับการแก้ปัญหาที่เราผูกเอาไว้ วุ่นวายกับการเอาชีวิตรอด ด้วยเงินที่เราเก็บออมไว้ได้บางส่วน เราอาจจะสามารถฉกฉวยโอกาสที่เปิดในช่วงที่เกิดวิกฤติ เดินก้าวหน้าต่อไปขณะที่ทุกคนถอยหลัง เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสสำหรับประเทศไทย

พระท่านกล่าวไว้อย่างไพเราะว่า “ผิดหนึ่งพึงจดไว้ ในสมอง เร่งระวังผิดสอง ภายหน้า” ก็ต้องขอให้เราทุกคนตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ยิ่งระฆังเตือนภัยเริ่มดังขึ้นเช่นนี้ ก็ขอให้หมั่นทบทวนบทเรียนจากปี 40 ทั้ง 3 ข้ออยู่อย่างสม่ำเสมอ “ไม่ทำอะไรเกินตัว” “รู้จักจัดการปัญหาแต่เริ่มเห็น” “เร่งเก็บออม สร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเองอย่างต่อเนื่อง” ซึ่งหากเราทำได้ตามนี้ ก็จะน่าสามารถรักษาตัวให้ผ่านวิกฤติที่กำลังรออยู่ได้ และน่าจะสามารถเปลี่ยนวิกฤติครั้งนี้ให้เป็นโอกาสกับประเทศไทยอย่างแท้จริง ก็ขอเอาใจช่วยทุกคนครับ

Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
โดย ดร. กอบศักดิ์ ภูตระกูล 
คอลัมนิสต์ประจำคอลัมน์ "อนาคตเศรษฐกิจไทย" ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ 
หมายเหตุ สนใจอ่านเพิ่มเติมได้ที่ “Blog ดร. กอบ” ที่ www.kobsak.com ครับ


ขอบคุณครับ ดร.กอบศักดิ์ ที่ออกมาเตือน ผมเป็นห่วงจริงๆครับ คนไทยชอบเสี่ยงตามกระแส และคิดในระยะสั้นๆ ไม่ค่อยคิดถึงความยั่งยืน ผมคิดว่าคนไทยเป็นคนที่ชอบเล่นการพนันที่สุด ตลาดหลักทรัพย์ กลายเป็นบ่อนคาสิโนถูกกฎหมาย แถมไม่เสียภาษีด้วย ลงท้ายใครรวย

ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท


1Like ·  · 

 
Home > Articles > การเงิน > บทเรียนจากปี 2540

About Us

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (ศบม.) เป็นองค์กรที่พัฒนาและจัดทำโครงการเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม เป็นองค์กรสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการภาคธุรกิจบริการที่ขาดแคลนบุคลากรที่มีมาตรฐานในการให้บริการ
อ่านเพิ่มเติม

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5602
Content : 3043
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8589494

facebook

Twitter


ล่าสุด

บทความเก่า