การเมืองลัทธิซ้าย อันตรายใหม่สังคมไทย

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม 2019 เวลา 16:17 น. ประพันธ์ คูณมี บทความ - สังคม วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์
พิมพ์

บทความ คุณประพันธ์ คูณมี อดีตนักศึกษาฝ่ายซ้าย  หนึ่งใน นศ.ที่หนีเข้าป่าหลัง 6 ต.ต.19
การเมืองลัทธิซ้าย อันตรายใหม่สังคมไทย 14 Mar 2019 อ่าน 175 ครั้ง
       
 
 
วันนี้ขอเขียนเรื่องบ้านเมืองอีกครั้งเพราะสถานการณ์ ปัจจุบัน การต่อสู้ทางการเมืองเพื่อชิงอำนาจรัฐ ได้มารวมศูนย์ที่สมรภูมิการเลือกตั้ง อนาคตของบ้านเมืองเราวันนี้ ขึ้นอยู่กับวันที่ 24 มีนาคม 2562 อันเป็นวันเลือกตั้งทั่วไป ที่จะบ่งชี้ทิศทางอนาคตสังคมไทยว่า บ้านเมืองจะสงบราบรื่น ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง หรือยังจะวุ่นวายทางการเมืองไม่รู้จบ นี่คือโจทย์ใหญ่ที่อำนาจตัดสินใจอยู่ในมือท่าน

ปัญหาอันตรายเก่าที่สังคมไทยเคยเผชิญมาแล้วคือ “ระบอบทักษิณ” ระบอบที่กินเมืองทำลายประเทศ สร้างความไม่สงบสุขแก่ประชาชนมานับสิบๆ ปี บัดนี้กำลังล้มหายตายซาก หากการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเครือข่ายทักษิณหมดสิ้นอำนาจ ไม่มีโอกาสเป็นรัฐบาล เป็นฝ่ายค้านเมื่อไหร่ก็ไส้แห้ง ไม่มีโอกาสใช้อำนาจดูดเงินภาษีประชาชน หรือหาประโยชน์ตุนเสบียงสำหรับการเลือกตั้งต่ออำนาจได้ มีเลือกอีกครั้งก็สูญพันธุ์โดยไม่ต้องฆ่าเขาก็แห้งตายเอง ด้วยพรรคก็โดนยุบ ลูกพรรคแตกไปซบพรรคอื่น เพราะอยู่ไปก็ไร้อนาคต เสี่ยงคุกและถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองซํ้าซาก

แต่อันตรายใหม่ที่กำลังก่อเค้าขึ้นมันคือ “ระบอบทักษิณแปลงร่าง” ที่กำลังน่าหวาดกลัวและน่าจับตามอง เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ กลุ่มลัทธิการเมืองหนึ่ง พวกเขาได้ผลัดหน้าทาแป้งแต่งตัว ทำตนเป็นคนใหม่ โพนทะนาว่าเป็นอนาคตใหม่ เป็นทางเลือกใหม่ของประเทศ ปลุกระดมสอดแทรกเข้าไปในหมู่เยาวชน นักศึกษา ประชาชน ด้วยแนวคิดลัทธิซ้ายในลักษณะคล้ายกันกับเมื่อยุคหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ส่งสมาชิกและผู้ปฏิบัติงานเข้ามาเคลื่อนในหมู่เยาวชน นักศึกษาในยุคนั้น

จนเมื่อรัฐบาลทำความผิดพลาดครั้งใหญ่ ด้วยการล้อมปราบ นักศึกษา ประชาชน ในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 แทนการแก้ปัญหาโดยการเมือง จึงเป็นชนวนเหตุให้นักศึกษา ประชาชน จำนวนมากเข้าป่าจับปืน กลายเป็นแนวร่วมกับพรรคคอมมิว นิสต์ฯ นำไปสู่สงครามภายในประเทศ ที่สร้างความสูญเสียชีวิตผู้คนในชาติครั้งใหญ่ เป็นเวลานับสิบๆ ปี กว่าเหตุการณ์จะสงบและยุติสงครามภายในประเทศได้ ในยุคของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี

บัดนี้ “ทายาทอสูรการเมือง” จากลัทธิซ้ายในอดีต ที่เคยร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ฯ และอยู่ใต้ชายคากับ “ระบอบทักษิณ” ได้กลับมาซุกตัวอยู่ในพรรคการเมืองหนึ่ง กลยุทธ์อันตรายของพวกอ้างตนว่าเป็นลัทธิซ้ายใหม่นี้ มุ่งเจาะฐานเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่ยังไร้ประสบการณ์ทางการเมือง ที่เพิ่งจะเริ่มมีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรก

โดยแทรกซึมตามสถาบันการศึกษา เหมือนเหตุการณ์หลัง14 ตุลาคม 2516 ไม่ต่างกัน เพราะพวกเขารู้ดีว่า คนเหล่านี้มีความอ่อนไหวทางการเมือง ถูกชักจูงได้ง่าย ขอให้มีสไตล์และบุคลิกที่โดน ก็จะชอบและคลั่งไคล้แบบไร้เหตุผล ไม่ต่างจากการบ้าดารา คลั่งนักร้อง หลงนักแสดง กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นเหยื่อ ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ก็ต้องให้เวลาได้ลิ้มรสความเจ็บปวดเสียก่อน ซึ่งถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวก็ไม่เป็นไร แต่นี่คือเรื่องของบ้านเมือง จึงเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ พ่อแม่ผู้ปกครอง มิควรมองข้าม จะเตือนหรือหยุดยั้งความหลงใหลทางการเมือง ที่อาจทำลายประเทศได้อย่างไร เป็นหน้าที่ต้องคิด

อันตรายจากลัทธิซ้ายอันสุ่มเสี่ยงนี้ แท้ที่จริงแล้วพวกเขาก็มิใช่พวกลัทธิซ้ายที่แท้จริง หากแต่เพียงเป็นพวกซ้ายจอมปลอม ที่ลอกตำราและทฤษฎีมาแบบลวกๆ เลือกหยิบบางส่วนบางประเด็นมาพูดและสร้างวาทกรรมหาเสียง หวังเพียงให้โดนใจวัยรุ่น หรือเอาใจพวกเกลียดทหาร และปฏิเสธวัฒนธรรม ประเพณี ระบอบสังคมเดิมที่มีมายาวนาน หรือกระทั่งปฏิเสธระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั่นเอง

อาทิเช่น การจะสืบทอดเจตนารมณ์การปฏิวัติของคณะราษฎร ในเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475, การจะรื้อร้างแก้ไขรัฐธรรมนูญไทยทั้งฉบับจะลบล้างกระบวนการยุติธรรม การพิจารณาคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิจารณาพิพากษาถึงที่สุดแล้ว กรณีทักษิณรํ่ารวยผิดปกติ หรือใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ในการซื้อที่ดินรัชดาฯ จากกองทุนฟื้นฟู และในคดีอื่นๆที่ค้างพิจารณาในศาลทั้งหมดที่ทักษิณเป็นจำเลย ทั้งๆที่ศาลดังกล่าวเป็นศาลยุติธรรม จัดตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2540 มิใช่ศาลทหาร และมิได้พิจารณาคดีโดยใช้กฎหมายพิเศษแต่อย่างใด

การหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดปราศรัย จึงเป็นเพียงเพื่อเป้าหมายในการดึงคะแนนเสียงจากคนที่นิยมและอยู่ใต้อาณัติระบอบทักษิณเดิม ให้หันเหมาลงคะแนนให้กลุ่มตนเท่านั้น โดยมิได้คำนึงถึงการทำลายศาล ทำลายหลักกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมของประเทศ

ส่วนวาทกรรมว่า “จะสร้างความเท่าเทียมกันให้กับทุกคนในสังคม” ก็เป็นเพียงวาทกรรม ที่พรรคการเมืองประเภทนี้ มิอาจทำได้จริงดั่งคำโฆษณา เพราะถ้ายึดถือความคิดฝ่ายซ้าย ตามลัทธิมาร์กซ์-เลนินจริง แสดงว่าพรรคนี้ต้องยึดเอาปัจจัยการผลิต ที่ดินทรัพย์สิน ที่อยู่ในความครอบครองของเศรษฐีนายทุน จำนวน 50 ตระกูลในเมืองไทย รวมถึงไพร่หมื่นล้านนั้นด้วย มาจัดสรรให้แก่ประชาชนทุกคนโดยเท่าเทียมกัน            
 
 


ถามว่าพรรคดังกล่าวจะกล้าทำตามนโยบายนี้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมา เพียงสหภาพแรงงานในโรงงาน อันเป็นธุรกิจของเขาจัดตั้งสหภาพ และหยุดงานเรียกร้องตามสิทธิกฎหมายแรงงาน ผู้ใช้แรงงานเหล่านั้นยังโดนเล่นงานไล่ออก ปลดออก การจะสร้างความเท่าเทียมกันแก่ประชาชนไทยทั้งประเทศ จึงเป็นเพียงวาทกรรมของพวกซ้ายลวงโลกที่มิอาจเป็นจริงเท่านั้น และหากทำเช่นนั้นก็อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญอีกด้วย เพราะจะกลายเป็นพรรคการเมืองที่มิได้ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั่นเอง

ที่พูดมาเป็นเพียงบางส่วนที่เห็นว่าสำคัญและอันตราย ยังไม่นับรวมแนวคิดว่าคนรุ่นใหม่ต้องกำหนดอนาคตและทิศทางประเทศ ทั้งที่ประเทศนี้มิได้มีส่วนประกอบแต่เพียงเด็กหรือเยาวชน หากแต่ประกอบด้วยคนเกือบ 70 ล้านคน ทุกเพศทุกวัย ทุกชนชั้น ทุกนิกายศาสนาและเผ่าพันธุ์ หรือจะล้มล้างพิธีกรรมไหว้ครู ดูถูกคนไทยที่เป็นสยามเมืองยิ้ม ทุกอย่างที่เป็นประเทศไทยพวกเขาเห็นว่าแย่ เลวไปหมดทุกอย่างแบบไม่มีอะไรดี ต้องปฏิวัติล้มล้างเปลี่ยนแปลงใหม่ให้หมดทุกเรื่อง

สรุปแล้วคนพวกนี้ คือพวกที่ปฏิเสธสังคม ปฏิเสธประเทศไทย แม้ประเทศนี้ให้ที่ซุกหัวนอนกับพ่อแม่ บรรพบุรุษ และตัวเขาเอง ที่หนีตายมาเสื่อผืนหมอนใบ มาพึ่งใต้ร่มพระบารมีพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ จนมีอยู่มีกินรํ่ารวย พวกเขายังประณามก่นด่า แล้วระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พวกเขาก็คงอยากจะเปลี่ยนแปลงล้มล้างไม่เว้นให้เหลือไว้หากได้โอกาสและมีอำนาจ

การเมือง การเลือกตั้งครั้งใหม่ที่กำลังจะมาถึง จึงอันตรายน่ากลัวยิ่งกว่า เพราะมันคือ “ระบอบทักษิณแปลงร่าง” และ “ความคิดลัทธิซ้ายสุ่มเสี่ยง” ที่กำลังโฆษณาปลุกระดมผู้คนให้เคลิบเคลิ้มและหลงใหลในขณะนี้ ประชาชนทั้งหลายจึงต้องพึงระวัง ไม่ควรให้คนจำพวกนี้มีที่เกิดทางการเมือง เพื่อเอาไปเป็นข้ออ้างว่าประชาชนสนับสนุน เพราะได้ฉันทานุมัติมาจากปวงชนชาวไทย เพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ตามความคิดลัทธิความเชื่อที่อันตราย และไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมไทย

จงอย่าให้เขาฉุดลากบ้านเมืองอันเป็นที่รักของเราลงเหว หนึ่งเสียงหนึ่งคะแนนของท่าน จึงไม่ควรให้โอกาสพวกเขาแม้แต่น้อย เพราะชาติบ้านเมืองไม่ใช่เครื่องทดลองหรือของเล่น จงเตือนลูกเตือนหลานของท่าน และโปรดคิดไตร่ตรองก่อนตัดสินใจหย่อนบัตรเลือกตั้งลงคะแนนให้กับใครพรรคใด เพราะถ้าท่าน “เลือกพรรคผิด อนาคตไหม้ ประเทศ ไทยบรรลัยแน่” ครับ
คอลัมน์ : ข้าพระบาท ทาสประชาชน
โดย : ประพันธ์ คูณมี
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3452 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 14-16 มี.ค. 
 ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อน กับ LINE @thansettakij