โดย ไทยรัฐออนไลน์ 30 ธ.ค. 2558 18:05

"นพ.ประเวศ" ชี้ช่องออกจากวิกฤติ ติงรัฐธรรมนูญแสนดีแค่ไหนประเทศก็เจ๊ง แนะกระจายอำนาจให้ประชาชน ฟันธง เลือกตั้งใหม่มียึดอำนาจอีก หากการเมืองไร้คุณภาพ

เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.58 นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวถึงการสร้างประเทศไทย ที่ศานติสุขและยั่งยืนว่า ขณะนี้ประเทศไทยถดถอย ออกจากสภาวะวิกฤติไม่ได้ เพราะติดอยู่ในวงจรอุบาทว์แห่งการใช้สมองสัตว์เลื้อยคลาน มนุษย์มีสมอง 3 ส่วน ส่วนในสุดอยู่ข้างหลังมาจากสัตว์เลื้อยคลานใช้ในการต่อสู้ทำร้ายกัน ส่วนนอกสุดอยู่ข้างหน้าเกี่ยวกับสติปัญญา วิจารณญาณและศีลธรรม เกือบ 100 ปี ที่ผ่านมาคล้ายช่วงหลังของกรุงศรีอยุธยาที่คนไทยหมกมุ่นอยู่กับการต่อสู้โค่นล้มทำลายกันไปมา ปรากฏแล้วว่า ไม่ว่าใครชนะและแก้ปัญหาบ้านเมืองไม่ได้ เพราะบ้านเมืองสมัยนี้ ไม่เหมือนสมัยยุคหินที่เมื่อชนะตัวอื่นหรือคนอื่นแล้วก็ปกครองได้ แต่สมัยนี้เศรษฐกิจสังคมการเมืองเป็นระบบที่เชื่อมโยงหลายมิติซับซ้อนและยากยิ่ง การใช้สมองส่วนหลังไม่มีสติปัญญา วิจารณญาณ และศีลธรรมพอที่จะเผชิญกับความยาก จึงไม่ได้ผล ต้องหันมาใช้สมองส่วนหน้า ยิ่งการใช้การเมืองนำ เช่น การร่างรัฐธรรมนูญ การรัฐประหาร วนเวียนๆ กันอยู่ จึงไม่ได้ผล เพราะการเมืองเป็นเรื่องของอำนาจ เมื่อเป็นเรื่องอำนาจก็ต้องคิดเรื่องการต่อสู้แย่งชิง และยิ่งในสมัยนี้เงินขนาดมหึมา ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ สามารถซื้อความถูกต้องไปได้หมด

นพ.ประเวศ กล่าวต่อว่า ไม่ว่าจะเขียนรัฐธรรมนูญออกมาให้ดีอย่างไร อำนาจรัฐก็ถูกซื้อได้หมด ต้องพลิกมาใช้ สังคมนำการเมือง สังคมใหญ่กว่าการเมืองมากและเงินซื้อสังคมที่เข้มแข็งไม่ได้ ฉะนั้นในขณะที่คนส่วนหนึ่งยังอยู่ในเกมของการต่อสู้ คนไทยส่วนใหญ่ควรร่วมพัฒนาประเทศไทย การร่วมพัฒนาเป็นพลังสร้างสรรค์มากกว่าการต่อสู้ทำลายกัน เราต้องมีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะสร้างอนาคตประเทศไทยที่ศานติสุขและยั่งยืน โดยใช้หลักการ 5 ประการ ในการพัฒนาประเทศ คือ 1. การพัฒนาประเทศไทยต้องทำจากล่างขึ้นบน โดยสร้างชุมชนทุกชุมชนมีความถูกต้อง ชุมชนหลายชุมชนรวมกันเป็นท้องถิ่น ท้องถิ่นทั้งหมดรวมกันเป็นประเทศ ที่เราเขียนรัฐธรรมนูญกี่ฉบับๆ แต่พัฒนาประเทศไม่สำเร็จ เพราะเป็นการพัฒนาจากบน โดยไม่มีฐานรองรับ  2. มีระบบข้อมูลข่าวสารและการสื่อสารที่ทั้งระบบรู้ความจริงกันอย่างทั่วถึง ถ้าลงทุนทำเรื่องนี้เพื่อให้รู้ความจริงได้ทั่วถึง มหาวิทยาลัยทุกมหาวิทยาลัยต้องคิดและทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยมีกระทรวงไอซีทีเป็นเจ้าภาพใหญ่

ราษฎรอาวุโส กล่าวต่อว่า  3. ระบบการปกครองและทุกส่วนของสังคมควรมีความเป็นอัตโนมัติ ถึงจะปฏิสัมพันธ์กับเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างทันท่วงทีและถูกต้อง จึงเป็นประชาธิปไตยที่แท้ แต่ประเทศไทยกลับรวมศูนย์อำนาจการปกครองไว้ที่ส่วนกลาง ที่ไม่ค่อยมีความรู้แต่มีอำนาจ จึงสั่งผิดสั่งถูกไม่ทันและสอดคล้องกับเหตุการณ์เฉพาะหน้าของส่วนต่างๆ ก่อให้เกิดความง่อยเปลี้ยเสียขา ขัดแย้งไปทั่ว ระบบอำนาจแต่ขาดความรู้ทำให้ประเทศไม่สามารถสร้างคนเก่งๆ ได้ ประเทศวิกฤติจากเหตุนี้ คณะกรรมการปฏิรูปที่มี นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน จึงทำข้อเสนอปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ โดยคืนอำนาจให้ประชาชนปกครองตนเองให้มากที่สุด  4. ระบบภูมิคุ้มกันของสังคม เช่น มีความเป็นธรรม ชุมชนเข้มแข็งเป็นภูมิคุ้มกัน และ  5. สังคมอุดมสมองปัญญา เพราะสังคมอุดมอำนาจเอาตัวรอดไม่แล้ว ต้องเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจรัฐที่ครอบงำประเทศ ไปเป็นโครงสร้างทางปัญญาทุกหย่อมหญ้า ทั้งหมดเป็นหลักการพัฒนาประเทศไปสู่ศานติสุขและยั่งยื่น เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ใช่มีแค่รัฐธรรมนูญ แต่ขาดสาระ

นพ.ประเวศ กล่าวด้วยว่า ภายหลังการเลือกตั้งในปี 60 หากการเมืองยังไร้คุณภาพ มีคอร์รัปชันและเกิดความรุนแรงอีก กองทัพก็จะเข้ามายึดอำนาจอีก กองทัพอาจระงับความรุนแรงได้ แต่ไม่มีปัญญาพอที่จะบริหารบ้านเมืองไปสู่ศานติสุขได้ บ้านเมืองเสียเวลา เสียโอกาส ดังนั้นควรช่วยกันป้องกันไม่ให้กองทัพเข้ามายึดอำนาจอีก โดยอย่าก่อความรุนแรง และช่วยกันทำให้การเมืองมีคุณภาพและปราศจากคอร์รัปชัน ซึ่งยังทำได้ยาก แต่ถ้าทุกอย่างมีหลักคิดและช่วยกันพัฒนาประเทศ ตามหลัก 5 ประการ ที่กล่าวมาจะทำให้การเมืองดีขึ้น ที่แล้วมาเราคิดแต่ว่าทำการเมืองให้ดีขึ้นก่อนแล้วอย่างอื่นจะดีตามมา เราคิดแบบนี้มาเกือบ 100 ปี ก็ไม่สำเร็จ บ้านเมืองกลับแตกแยกและรุนแรงมากขึ้น เพราะการเมืองเป็นเรื่องอำนาจ เป็นเรื่องคับแคบ แย่งชิง โกรธ เกลียด ไม่พัฒนาปัญญา ควรคิดอีกทางโดยรวมพัฒนาประเทศไทย มีหลักคิดที่แข็งแรง อาจจะง่ายกว่าการพัฒนาการเมือง สังคมดีทำให้การเมืองดี สุทด้ายในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ ขออวยพรให้เพื่อนคนไทยทุกคนมีความสุข สุขภาพดี อายุยืน ช่วยกันพัฒนาให้เป็นประเทศไทยน่าอยู่ที่สุดในโลก.