วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๓๖๗
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกของ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้ าอยู่หัวพระมหาเจษฎาราชเจ้า รัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
เป็นพิธีสำคัญที่เกิดขึ้นภายหลั งการสวรรคตของรัชกาลที่ ๒ โดยมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่ างจากพระราชพิธีในรัชกาลก่อน ๆ เนื่องจากบริบททางการเมื องและราชสำนักในขณะนั้น
ขุนนางชั้นผู้ใหญ่จึงพร้อมใจกั นอัญเชิญ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ (พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้ าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓) ขึ้นครองราชย์แทน เพราะทรงมีประสบการณ์การบริ หารบ้านเมืองและการค้า
พระราชพิธีที่เรียบง่ายและไม่ เป็นทางการเต็มรูปแบบ พระองค์ไม่ได้ประกอบพระราชพิธี บรมราชาภิเษกแบบราชาธิปไตยสมบู รณ์อย่างที่มีในรัชกาลที่ ๑ และ ๒ แต่มีการขึ้นครองราชย์อย่ างสงบเรียบร้อย และทรงได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ ายในเวลานั้น
รัชกาลที่ ๓ ทรงปฏิเสธเครื่องราชูปโภคบางอย่ าง ทรงปฏิเสธการใช้พระแสงขรรค์ชั ยศรีและเครื่องราชูปโภคบางอย่าง เพราะถือว่าขึ้นครองราชย์ด้ วยการเลือกตั้งของขุ นนางและประชาชน มิใช่โดยสายเลือดตามธรรมเนี ยมเดิม
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็นพระราชพิธีสำคัญที่สุดสำหรั บทุกประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ถือเป็นเครื่องเชิดชูเฉลิ มพระเกียรติยศองค์พระประมุ ขทรงเป็นพระราชาธิบดี ของประเทศโดยสมบูรณ์
และในวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๘ นี้ วาระครบ ๒๐๑ ปี พระราชพิธีบรมราชาภิเษกแห่ งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้ าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า พระมหากษัตริย์ที่สุดประเสริ ฐของชาติไทยพระองค์หนึ่ง.
