ปัญหาและอุปสรรคของคนทำความดี

วันเสาร์ที่ 03 พฤศจิกายน 2012 เวลา 00:00 น. ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท บทความ - พัฒนาทุนมนุษย์
พิมพ์

ทำความดีเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและสังคมในประเทศไทยต้องมีความอดทนสูง ปัญหาที่คนดีๆมีกำลังช่วยสังคมและประเทศชาติต้องเลิกล้มความคิดเพราะข้าราชการที่มีความสำนึกต่ำเอาแต่ความชอบไม่ทำอะไร ไม่ใช่สมองทำงาน

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ก่อตั้งมาแล้วเป็นเวลานานกว่า 4 ปี โดยมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้เกิดการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์แบบบูรณาการ สร้างคนให้มีคุณค่า เพื่อรองรับภาคธุรกิจ หลังจาก 4 ปีในการสร้างเครือข่าย คณะกรรมการตกลงที่จะจดทะเบียนเป็นมูลนิธิ ต้องใช้เวลาในการหาข้อมูลและดำเนินการต่างๆเป็นเวลา เกือบ 4 เดือนจึงสามารถยื่นเรื่องขอจดทะเบียนเป็นมูลนิธิกับเขตหลักสี่ ก่อนที่จะผ่านด่านนี้ต้องใช้เวลาเกื่อบเดือนในการแก้ไขข้อบังคับ จัดเตรียมเอกสารต่างๆในการจดทะเบียน ทางเขตหลักสี่ไม่มีแบบฟอร์มหรือเอกสารใดๆที่จะส่งมอบให้ผู้แจ้งความจำนงในการขอจดทะเบียน เจ้าหน้าที่ บอกสิ่งที่ผู้ขอจดทะเบียนด้วยวาจา และถ่ายเอกสารตัวอย่างบางเรื่องให้ แต่ไม่มีข้อมูลที่สมบูรณ์ จึงทำให้ต้องเสียเวลาไปพบเจ้าหน้าที่อย่างน้อย 3 ครั้ง จนสามารถยื่นเอกสารได้ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่เขตหลักสี่ได้ส่งเรื่องไปให้ สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง  (วังไชยา ) กระทรวงมหาดไทย

ประมาณเกือบ 2 อาทิตย์ ได้รับโทรศัพท์แจ้งจากเจ้าหน้าที่สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมปกครอง แจ้งให้ไปพบเพื่อชี้แจงเรื่องเอกสารที่ส่งไปขอจดทะเบียนมูลนิธิ เมื่อไปพบ ก็แจ้งว่าในข้อบังคับที่เขียนไว้ เรื่องกรรมการ ทำให้สับสน และให้ไปจัดทำใหม่ตามตัวอย่างที่ให้มา จึงได้นำมาพิมพ์ใหม่ให้เป็นไปตามตัวอย่าง และได้ส่งไปให้เจ้าหน้าที่พิจารณา ปรากฎว่ามีการพิมพ์ตกหล่น ต้องนำมาแก้ไขใหม่ ในที่สุดต้องใช้เวลา 3 วันก่อนที่จะแก้ไขข้อบังคับให้ถูกต้อง และส่งให้เจ้าหน้าที่ได้ หลังจากนั้นได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ผู้นั้นอีกว่า ที่อยู่ของสำนักงานมูลนิธิที่ระบุในข้อบังคับ ไม่ตรงกับสำเนาเอกสารใบทะเบียนบ้าน ( ที่อยู่ที่พิมพ์ไว้ในข้อบังคับเป็นที่อยู่ที่ใช้ในปัจจุบัน ซึ่งมีรายละเอียดมากกว่าในสำเนาทะเบียนบ้าน ซึ่งทางเขตเองได้มีการแก้ไขเพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ทันต่อการขยายตัวของบ้านเมือง แต่ไม่ได้เปลี่ยนสมุดทะเบียนบ้านให้ ใช้แค่หมึกเขียนเพิ่มในสมุดทะเบียนแต่ไม่มีรายละเอียดพอ เรื่องนี้เป็นเรื่องของทางการเอง แต่ก็โยนให้ประชาชนต้องเดือดร้อน โดยการต้องเสียเวลาในการนำไปแก้ไขให้ตรงกับเอกสารที่ไม่ทันกับปัจจุบัน) หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้โทรแจ้งผมว่าเอกสารทุกอย่างสมบูรณ์แล้ว จะทำเรื่องส่งให้วันนี้ (ศุกร์ที่ 2 พ.ย.2555)

วันเสาร์ที่ 3 ได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ท่านเดิมโทรมาหา และขอโทษว่าได้ติดต่อไปที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย เขาแจ้งว่า ตามหนังสือคำมั่นสัญญา ที่ผู้แจ้งความจำนงบริจาคเงินจำนวน 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาท) เพื่อเป็นทุนจัดตั้งมูลนิธิ จำนวน 23 ท่าน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 230,000 บาท (สองแสนสามหมื่นบาทถ้วน)  พร้อมสำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน ไม่เพียงพอเพราะไม่เชื่อว่าผู้ให้คำมั่นสัญญานั้นมีฐานะมั่นคงเพียงพอหรือไม่ จึงต้องให้ส่งหลักฐานการเงินของแต่ละท่านไปให้

ผมว่าเป็นความซื่อบื้อของนิติกรท่านนั้น เป็นการทำงานแบบไม่ใช้สมอง เอาแต่ความสบายของตัวเอง ไม่ให้บริการหรืออำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่มีความตั้งใจทำประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติ  ผมกำลังขอ ชื่อ และ นามสกุลของท่านผู้นั้นอยู่ และคิดว่าจะโทรหานิติกรผู้นั้นหรือหัวหน้าเพื่อจะได้ทราบข้อเท็จจริงว่า ปัญหาจริงๆอยู่ที่ไหน ควรจะแก้ไขอย่างไร หรือปล่อยให้เป็นแบบนี้

ไม่ใช่ว่าผมจะต่อต้านหรือไม่ยอมปฎิบัติตามกฎข้อบังคับ ผมเป็นคนมีเหตุผล ไม่ต้องการให้สิ่งผิดๆผ่านไป และทำกันโดยความเคยชิน มักง่ายเอาแต่ความสบายของตัว โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนและวุ่นวายจากคนที่เขามีความตั้งใจทำความดี เพราะถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ คนดีๆพร้อมเสียสละเพื่อส่วนรวม สังคม และประเทศชาติก็จะหมดความอดทนเลยไม่อยากเปลืองตัวและเปลืองเวลากับสิ่งไร้สาระ

ข้าราชการต้องเป็นผู้ให้บริการประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่ทำประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติ ไม่ใช้คอยแต่จะสร้างเงื่อนไข และความยุ่งยากเกินความจำเป็น

ขอให้พิจารณา ข้อบังคับด้านล่างที่กล่าวถึงเรื่องเกี่ยวกับเอกสารคำมั่นในการบริจาคเงินทุนในการจัดตั้งมูลนิธิ เพราะถ้าผู้ที่ออกหนังสือคำมั่นบริจาคเงินไม่ทำตามหนังสือคำมั่น มูลนิธิที่ได้รับการอนุญาตให้จดทะเบียนก็ต้องสิ้นสุดการเป็นมูลนิธิ

ท่านนิติกรผู้นี้ดูหมิ่นประชาชนที่มีความตั้งใจบริจาคเงินเพื่อการทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ผมคิดว่าผมทนไม่ได้ น่าจะฟ้องร้องฐานหมิ่นประมาทให้เข็ด

ข้อความในกฎข้อบังคับมูลนิธิ

 

ข้อ 41 การสิ้นสุดของมูลนิธินั้นนอกจากที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้วให้มูลนิธิเป็นอันสิ้นสุดลงโดยมิต้องให้ศาลสั่งเลิกด้วยเหตุต่อไปนี้

41.1 เมื่อมูลนิธิได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลแล้ว ไม่ได้รับทรัพย์ตามคำมั่นเต็มจำนวน


 

· คำสำคัญ (keywords): จดทะเบียนมูลนิธิ ปัญหาจากระบบหรือปัญหาจากคน ปัญหาจากผู้รับผิดชอบขาดความรับผิดชอบ ขอฉันทำงานสบายคนอื่นเดือดร้อนยังไงไม่สน นิติกร เขตหลักสี่ ข้าราชการมีหน้าที่ให้บริการประชาชน อย่าสร้างเงื่อนไขหรือปัยหาที่ไร้สาระ