วันที่ ๓ มิ.ย. ๕๒ ผมบินไปนครศรีธรรมราช    เพื่อไปสอนนักศึกษาแพทย์ปี ๑ ที่ มวล. ในวิชาแพทย์กับสังคม ช่วง ๓ ชม. ที่ผมสอนเรียกว่าช่วงเรียน เวชจริยศาสตร์และการคิดเชิงวิพากษ์ ตามที่เล่าไว้แล้ว
ระหว่างเดินจากอาคารเรียนรวม ๑  ไปอาคารเรียนรวม ๓   เวลาประมาณ ๑๐ น. ใน มวล. ผมบอกนักศึกษาว่าคนกรุงเทพไม่มีสิทธิพิเศษที่จะได้หายใจอากาศที่สดชื่นอย่างนี้   ช่วงนั้นอากาศสดชื่นจริงๆ    ทำให้ผมระลึกชาติกลับไปเมื่อประมาณ ๑๐ ปีก่อน ช่วงที่ผมไปรักษาการอธิการบดีที่นั่นอยู่ ๔ เดือน   ผมมีความสุขมากกับการวิ่งออกกำลังตอนเช้าตรู่ในบรรยากาศที่ธรรมชาติสวยงาม    และอากาศบริสุทธิ์เหมือนวันนี้  
ช่วงเช้าผมได้มีโอกาสฟังการบรรยายของ ศ. แสวง บุญเฉลิมวิภาส กับ ผศ. นพ. ประเสริฐ วศินานุกร เรื่อง กฎหมายกับแพทย์ และ แพทย์กับสังคม    ได้มีโอกาสเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับแพทย์ในปัจจุบัน ที่ผมรู้น้อยมาก   เพราะผมเป็นหมอที่ไม่ประกอบวิชาชีพแพทย์มานานกว่า ๓๐ ปี 
ตกบ่าย เป็นช่วงที่ผมทำหน้าที่ “สอนแบบไม่สอน”   คือกล่าวนำเพียงสั้นๆ ให้ นศพ. เข้าใจว่า ทั้งเรื่องจริยธรรมและเรื่องความสามารถในการคิดนั้น   การสอนได้ผลน้อยมาก   ที่จะได้ผลคือแต่ละคนต้องเรียนเอง เรียนตลอดชีวิต เรียนจากชีวิตจริง    แต่ละคนต้องสอนตนเอง เตือนสติตนเอง    การเรียนในช่วงนี้จะไม่เน้นเรียนสาระ แต่จะเน้นการฝึกความสามารถในการเรียน    หรือฝึกทักษะในการเรียน   ผ่านการประชุมกลุ่มแบบใช้หมวก ๖ ใบ โดยสมมติว่าจะหารือกันเรื่อง “การจัดงานรับน้องใหม่ปีหน้า”   ตามที่เล่าไว้แล้ว    โดยให้เวลาประชุมกลุ่มเพียง ๔๐ นาที    แล้วให้ผู้แทนแต่ละกลุ่มนำเสนอต่อเพื่อนทั้งห้อง (๔๘ คน  เป็นชายเพียง ๑๔ คน) กลุ่มละ ๕ นาที 
ปรากฎว่าการประชุมกลุ่มมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงมาก    มีทั้งความริเริ่มสร้างสรรค์และความรอบคอบในการวางแผนรับน้องใหม่ปีหน้า   
เรามีเวลาเหลือครึ่งชั่วโมงสำหรับการทบทวนบทเรียน (reflection หรือ AAR) ว่าเครื่องมือหมวก ๖ ใบ ช่วยให้เกิดพลังของการคิดรวมหมู่ ทำให้เกิดการคิดร่วมกันแบบ critical thinking อย่างไร   นศ. ได้ร่วมกันสะท้อนการเรียนรู้จากการปฏิบัติอย่างคึกคักมาก   ทำให้อาจารย์ผู้ไม่สอนได้สนุกไปด้วย   Narrated PowerPoint ของการสอนแบบไม่สอนอยู่ที่นี่

ผมมีข้อสังเกตว่า นศพ. ที่นี่ไม่มีแฟชั่น “เสื้อคับ-กระโปรงมินิ” เลย น่าชื่นชมจริงๆ

วิจารณ์ พานิช
๔ มิ.ย. ๕๒