มีผู้ส่งข้อมูลด้านล่างมาให้ผม
อ่านแล้วเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ จึงขอนำมาเผยแพร่ต่อครับ
ผมไม่รู้จักผู้เขียนบทความนี้
และต้องขอขอบคุณที่เขียนรวบรวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์
มาให้พวกเราได้ร่วมรับรู้ด้วยกันครับ อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าข้อมูลนี้
เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น ถ้าเราร่วมกันศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม
เราจะรู้อะไรอีกมากมายครับ ถือว่าเราคนไทยมีบุญจริงๆครับ ที่มีพ่อของแผ่นดิน
ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่า เป็นพระมหากษัตริย์ที่ดีที่สุดในโลก
ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2563
ตอนเห็น#
นี้ใน IG “# กษัตริย์มีไว้ทำไม” ผมบอกได้เลยนะว่าตอนนั้น
อารมณ์ขึ้นมากๆครับ
แต่พอมานั่งคิดอีกที
น้องๆอาจจะไม่รู้จริงๆก็ได้นะ เลยถาม? ผมก็เลยอยากจะบอกให้ทราบกันทุกคนนะครับว่า
กษัตริย์มีไว้ทำไม? จะพยายามเขียนแบบสั้นๆละกัน
เพราะว่าถ้ามาversion
เต็มๆ
น้องๆคงต้องใช้เวลาในการอ่านกันหลายวัน 555 ก่อนจะเริ่ม
น่าจะมีหลายคนถามว่า
“พี่โดนล้างสมองมาป่าว?
" "พี่เกิดทันเหรอ?" พี่ขอตอบเลยว่า
“น้องครับ การศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์
มันจำเป็นมากๆกับอาชีพของพี่ครับ พี่มีอาชีพทำงาน content แนวๆครีเอทีฟ,ศิลปะ
,และวัฒนธรรม
ครับ (ไว้จะอธิบายคราวหลังนะว่ามันเกี่ยวข้องอย่างไร?) และนอกจากในตำราแล้ว
(ที่ใครอาจบอกว่ามีการแต่งเติม) เราสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จาก สถานที่จริง ,โบราณวัตถุ
, ตลอดจนหลักฐานและบุคคลอ้างอิงต่างๆได้ครับ เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะเดี๋ยวจะยาว
รัชกาลที่ 1 ท่านทรงครองราชย์ 27 ปี
กว่าๆครับ ท่านทรงทำอะไรให้พวกเราไว้บ้าง?
-ท่านรักษาเอกราชให้พวกเราครับ
สงครามแรกของกรุงเทพ ก็คือสงครามเก้าทัพ ที่พม่าแห่กันมาเพียบเพื่อมาตี กทม
ให้เป็นเมืองขึ้น
แต่พม่าก็แพ้ร.1 กลับไป ในสมัยของท่าน
พม่ายกมาตีหลายรอบนะครับ แต่ก็แพ้กลับไปทุกที
-ท่านสร้างวัดพระแก้ว ไว้ให้พวกเรา
(ช่วงก่อนโควิทมีนักท่องเที่ยวมาเยือนวันละ 2-3หมื่นคน สร้างรายได้เท่าไรคูณเอานะ)
-ท่านโปรดให้สังคายนาพระไตรปิฎก พ.ศ.
2331 และจารฉบับทองประดิษฐานไว้ในหอพระมณเฑียรธรรม วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
-ท่านทรงฟื้นฟูวรรณคดีไทยซึ่งเสื่อมโทรมตั้งแต่ยุคกรุงแตกให้
ให้กลับคืนดีอีกวาระหนื่ง
-ท่านทรงบูรณะปฏิสังขรณ์และสร้าง
พระอารามเป็นจำนวนมาก เป็นการเปิดโอกาสให้ช่างฝีมือด้านต่างๆ มีงานทำ
(ยกตัวอย่างแค่นี้พอก่อนนะ เดี๋ยวจะยาว
นี่แค่ร.1 เอง)
รัชกาลที่ 2 ทรงครองราชย์เกือบ 15 ปี
-ทรงมีพระอัจฉริยภาพในงานศิลปะหลายสาขา
ทั้งทางด้านประติมากรรม ด้านการดนตรี แต่ที่โดด เด่นที่สุดเห็นจะเป็นในด้านวรรณคดี
-ยุค ร.2
ถือเป็นยุคทองของวรรณคดีไทยสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
ละครรำ รุ่งเรืองถึงขีดสุด
ด้วยพระองค์ทรงเป็นกวีเอก และทรงพระราชนิพนธ์วรรณคดีไว้หลายเล่มด้วยกัน เช่น
รามเกียรติ์ตอนลักสีดา
วานรถวายพล
พิเภกสวามิภักดิ์ สีดาลุยไฟ
รัชกาลที่ 3 ทรงครองราชย์ 26 ปีกว่าๆ ท่านคือพระบิดาแห่งการค้าไทย
-ท่านทรงโปรดให้เปิดการค้าขายกับต่างประเทศ เงินถุงแดงของท่าน(ในถุงเป็นเงินประเทศเม็กซิโก)
เป็นเงินกู้ชาติที่ ร.5ใช้เป็นค่าไถ่ประเทศไทยจากฝรั่งเศสครับ
-ทรงโปรดให้สร้างป้อมปราการตามหัวเมืองสำคัญและ
ตามชายฝั่งทะเล ตลอดจนต่อเรือรบเรือกำปั่นไว้ใช้ในราชการเป็นจำนวนมาก
(เหมือนจะทรงรู้ว่าฝรั่งเศสจะมาบุกในสมัยร.5)
-ทรงขุดคลองไว้เยอะเช่นคลองบางขุนเทียน
-ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์พระอารามเป็นจำนวนมาก
โปรดให้มีการสอนพระปริยัติธรรมแก่พระภิกษุ และโปรดให้จารึกตำราต่างๆ 8
หมวดบนแผ่นศิลา ประดับไว้ในวัดพระเชตุพนฯ เพื่อเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชน
ถือได้เลยว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศเลยหละ
รัชกาลที่ 4
ทรงครองราชย์ 17 ปีกว่าๆ
-ทรงเป็นพระบิดาแห่งการทูต
ท่านทรงติดต่อกับนานาอารยประเทศ เห็นได้จากการ ที่ประเทศต่างๆ
ส่งคณะทูตเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรี และติดต่อค้าขาย และพระองค์ได้ทรงแต่งคณะทูต
ออกไปเจริญสัมพันธไมตรีตอบแทนหลายครั้ง เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา
โปรตุเกส เดนมาร์ค ฯลฯ
-ทรงสนับสนุนให้มี
การศึกษาศิลปวิทยาการใหม่ๆ เช่น วิชาการต่อเรือใบ เรือกลไฟ เรือรบ
การฝึกทหารอย่างยุโรป
-ทรงให้ตั้งโรงกษาปณ์ขึ้นเพื่อผลิตเหรียญเงินขนาดต่าง
ๆ ใช้แทนเงินพดด้วง
ประกาศพิกัดอัตราแลกเปลี่ยนเงินเพื่อช่วยให้การแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าได้คล่องและเป็นสากลขึ้น
-ทรงประกาศ กฎหมายต่าง ๆ ออกมา
เป็นจำนวนมากเพื่อความผาสุก และให้ความเป็นธรรมแก่อาณาประชาราษฎร์
เช่นการลดภาษีอากร ลดหย่อนค่านา และอีกเยอะ
รัชกาลที่ 5 ท่านครองราชย์ 42ปี ผลงานที่สำคัญของท่าน
-ทรงเลิกทาส การเปลี่ยนแปลงต่างๆ
จะเป็นผลสำเร็จได้ ต้องทำให้คนไทยได้เป็นไทเสียก่อน
พระองค์จึงได้ทรงดำเนินการเลิกทาสโดยมิให้กระทบกระเทือนถึงเจ้าของทาสและทาส
ด้วยพระราชหฤทัยแน่วแน่และทรงพระราชอุตสาหะอย่างยิ่ง ใช้เวลาถึง30ปี
ก็ทรงเลิกทาสสำเร็จลงตามพระราชปณิธานที่ได้ทรงตั้งไว้
-ทรงได้รับยกย่องว่าเป็นนักปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศ
จากแบบเก่ามาสู่แบบใหม่
-ทรงยกเลิกการไต่สวนพิจารณาคดีแบบจารีตนครบาลมาเป็นการไต่สวนพิจารณาคดีในศาลแบบปัจจุบัน
-ทรงจัดการศึกษาแผนใหม่
ทรงตั้งโรงเรียนหลวงขึ้นทั้งในพระบรมมหาราชวังและตามวัดต่างๆ
-ทรงโปรดให้ปรับปรุงการสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ
เช่น การประปา การรถไฟ และการไปรษณีย์-โทรเลข
-ทรงสร้างและบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอารามต่างๆ
-ทรงปรับปรุงระบอบการปกครองโดย
เสด็จประพาสประเทศเพื่อนบ้านเช่นสิงคโปร์ และอินเดีย
เพื่อศึกษาการปกครองแบบตะวันตกที่นำมาประยุกต์ใช้ได้ในประเทศตะวันออก
เพื่อปรับปรุงการปกครองของไทยให้ทันสมัย โดยทรงแบ่ง ส่วนราชการการบริหาร
และราชการส่วนกลางเป็น 12 กระทรวง
-การเสด็จประพาสต้น
เป็นการเสด็จไปเพื่อสำราญพระราชอิริยาบถอย่างง่ายๆ โดยมิให้ใครรู้จักพระองค์
ทำให้ได้ประทับปะปนในหมู่ประชาชน ทรงทราบทุกข์สุขจากปากประชาชนโดยตรง ทำให้ได้ทรงแก้ไขปัดเป่าความทุกข์ยากให้
ราษฎรของพระองค์ได้ผลโดยตรง
(อันนี้ยกมาเป็นตัวอย่างแบบรวบรัดมาครับ
ผมอยากให้น้องๆลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ แล้วจะรักท่านมากครับ)
รัชกาลที่ 6 ครองราชย์ 15 ปีกว่าๆ ผลงานที่สำคัญๆ
ของพระองค์
-การศึกษาของชาติเจริญก้าวหน้ามาก
ทรงสถาปนาจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย
-การพระศาสนาเจริญสูงขึ้น
ทรงทำนุบำรุงปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม และขยายการศึกษาของสงฆ์ให้กว้างขวาง
-การคมนาคม เช่น การรถไฟ
สะดวกสบายขึ้นมาก
-ทรงดำเนินนโยบายต่างประเทศได้
อย่างถูกต้อง เห็นการณ์ไกล โดยทรงนำประเทศเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1
ส่งทหารเข้าช่วยฝ่ายสัมพันธ มิตรรบในสมรภูมิยุโรป
ทำให้นานาชาติรู้จักประเทศไทยมากขึ้น และยังทำให้ประเทศได้รับผลประโยชน์ ด้านต่างๆ
ในฐานะประเทศชนะสงคราม
-ทรงจัดตั้งกองทัพอากาศเพิ่มขึ้นอีกกองทัพหนึ่ง
ทรงจัดตั้งกองเสือป่าและกองลูกเสือเพื่อปลุกใจพลเมืองให้รักชาติ
-ทรงโปรดให้สร้างบ้านเมืองจำลองขึ้นเรียกว่า
ดุสิตธานี เพื่อเป็นโรงเรียนสอน เสนาบดีและอำมาตย์
ให้รู้จักการปกครองแบบประชาธิปไตย
-ทรงโปรดให้กระทรวงมหาดไทย
เตรียมร่างกฎหมายปกครองท้องที่จังหวัดสมุทรสาคร
เพื่อเริ่มการปกครองส่วนท้องถิ่นแบบเทศบาลอย่างแท้จริง
-ทรงพระปรีชาสามารถอย่างยิ่งในเชิงอักษรศาสตร์
มีพระราชนิพนธ์คำประพันธ์ทุกชนิดเกินกว่า 200 เรื่อง
รัชกาลที่ 7 ทรงครองราชย์ 9 ปีกว่าๆ
-ทรงส่งเสริมการศึกษาของชาติทั้งส่วนรวมและส่วนพระองค์
โปรดให้สร้างหอพระสมุดสำหรับพระนคร เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าศึกษาได้อย่างเสรี
-ทรงตั้งราชบัณฑิตยสภา
เพื่อมีหน้าที่บริหารและเผยแพร่วิชาการด้านวรรณคดี โบราณคดี และศิลปกรรม
-ทรงให้ทุนนักเรียนไปศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์จากต่างประเทศ
-ทรงโปรดให้ราชบัณฑิตยสร้างหนังสือสอนพระพุทธศาสนาสำหรับเด็ก
-โปรดให้สร้างสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งแรกใน
ประเทศไทย
-ในส่วนกิจการรถไฟ
ขยายเส้นทางรถทางทิศตะวันออกจากทางจังหวัดปราจีนบุรี จน กระทั่งถึงต่อเขตแดนเขมร
-ทรงยินยอมสละพระราชอำนาจ
เป็นพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้กฎหมาย ทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญให้กับประชาชน
รัชกาลที่ 8 ทรงครองราชย์ 11 ปีกว่าๆ
ทรงครองราชย์ตั้งแต่ตอนอายุ 9พรรษา
ทรงเป็นยุวกษัตริย์ ที่ปฏิบัติพระราชกรณียกิจให้ประชาชนชาวไทยได้เป็นอย่างดีครับ
ทรงโปรดที่จะเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรอยู่เสมอๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสด็จพระราชดำเนินสำเพ็ง
เพื่อทรงเยี่ยมประชาชนชาวจีนและอินเดียในบริเวณนั้น
เป็นการช่วยลดความแตกแยกระหว่างประชาชนชาวไทยและชาวจีน
จนหมดไปด้วยพระปรีชาของพระองค์
รัชกาลที่9
ทรงครองราชย์ 70 ปี 4447
โครงการในพระราชดำริ ถูกตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชน และสิ่งแวดล้อม
(ผมมีโอกาสไปเห็นกับตาตัวเองมาแล้ว 26
โครงการ)
ทุกโครงการมีสถานที่ตั้งชัดเจน
พวกเราสามารถเข้าไปเยี่ยมชม และศึกษาได้เลยครับ ไม่ใช่โฆษณาชวนเชื่อแต่อย่างไร!
-หลายโครงการเพื่อการส่งเสริมอาชีพ
เช่น การทำฟาร์มโคนม ,โครงการนาข้าวทดลองที่สวนจิตลดา
เพื่อเมล็ดพันธุ์ข้าวชั้นดีให้ชาวนานำไปปลูก ขยายพันธ์ ,โครงการเกษตรหลวงที่ดอยอ่างขางเพื่อให้ชาวเขา
เลิกปลูกฝิ่นมาปลูกพืชผลและดอกไม้ที่จะเป็นประโยชน์กว่า ,
โครงการธนาคารโคกระบือ
ให้เกษตรกรยืมเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการเกษตร , โครงการชั่งหัวมัน
แปลงทดลองเกษตรวิถีใหม่เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับเกษตรกรนำไปทำตาม,
ศูนย์ศึกษาและพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน
เพื่อพัฒนาอาชีพการประมงและการเกษตรในเขตที่ดินชายฝั่งทะเล.
-หลายโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมเช่น
กังหันชัยพัฒนา แก้ปัญหาน้ำเสีย, โครงการแกล้งดิน
แก้ปัญหาดินเสีย,โครงการฝนเทียม
เพื่อลดความแห้งแล้ง, โครงการชลประทาน
เพื่อการบริหารจัดการน้ำ, โครงการหญ้าแฝก
เพื่อรักษาหน้าดิน, โครงการแก้มลิง
เพื่อบริหารจัดการน้ำบรรเทาน้ำท่วม ,โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย
จัดการน้ำเสียและขยะ ,
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง เพื่อให้ความรู้ มีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงดินพรุ
ให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้. (ยังมีอีกเยอะครับ )
-หลายโครงการเกี่ยวกับสาธารณสุข ทรงตั้งหน่วยแพทย์พระราชทาน
เพื่อตามเสด็จไปรักษาประชาชนทั่วประเทศ ,มูลนิธิราชประชาสมาสัย
เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเรื้อน , มูลนิธิวิจัยประสาทวิทยา
เพื่อค้นคว้า ป้องกัน รักษา
และสงเคราะห์ผู้ป่วยทางประสาทวิทยาและสมองพิการทุกประเภท,
วัคซีนโควิด-19 ที่แอสตร้า
ผู้พัฒนาวัคซีนเลือกไทยเป็นฐานในการผลิตวัคซีนโดย บ.สยามไบโอไซเอนซ์
(ก่อตั้งโดยในหลวงรัชกาลที่9)
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ
( พระบรมราชชนนีพันปีหลวง)
พระราชกรณียกิจของพระองค์ครอบคลุม
4ด้านใหญ่ๆครับ
-ด้านศิลปวัฒนธรรมโครงการศูนย์ศิลปาชีพ
สร้างอาชีพและรายได้ให้กับเกษตรไทยทั่วประเทศ ส่งเสริมงานศิลปะพื้นบ้าน การปั้น
การทอ และการจักสาน โครงการนกยูงทอง
ยกระดับและพัฒนาผ้าไหมไทย
-ด้านสาธารณสุข ทรงรับผู้ป่วยที่เป็นโรคร้ายแรงเป็นคนไข้ในพระราชูปถัมภ์
ทรงจัดตั้งโครงการแพทย์หลวง โครงการทันตกรรมพระราชทาน ,โครงการหมอหมู่บ้าน
, โครงการแขน
ขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่
-ด้านการศึกษา ทรงให้ความสำคัญโครงการศึกษานอกระบบโรงเรียน เช่นการสอนอาชีพ
และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
-ด้านสิ่งแวดล้อม ทรงตั้งโครงการป่ารักษ์น้ำ
,บ้านเล็กในป่าใหญ่
, โครงการพิทักษ์ป่ารักษาชีวิต,
โครงการอนุรักษ์สัตว์น้ำ เป็นต้น
รัชกาลที่ 10
ครองราชย์ 2559 – ปัจจุบัน
ท่านทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ
ตั้งแต่ก่อนที่ท่านจะทรงขึ้นครองราชย์ อีกนะครับน้อง ๆ
-ด้านการศึกษา ทรงยกระดับมหาวิทยาลัยราชภัฏ
38แห่งทั่วประเทศ concept
คือ
ให้มีคุณภาพการศึกษาและสามารถนำไปพัฒนาท้องถิ่นของตน ทรงจัดตั้งโรงเรียนในพระราชดำริ
เช่น โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 3แห่ง โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี 3แห่ง ,โรงเรียน
ทีปังกรวิทยาพัฒน์ 6แห่ง , มกุฏเมืองราชวิทยาลัย,
โรงเรียนอนุราชประสิทธิ์,และ
โรงเรียนราชปิโยรสา ยุพาราชานุสรณ์
-ด้านสาธารณสุข ทรงตระหนักว่าสุขภาพพลานามัยอันดีของประชาชนเป็นปัจจัยสำคัญของการสร้างสรรค์ทรัพยากรบุคคล
จึงทรงสนพระราชหฤทัยในการประกอบพระราชกรณียกิจกับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช 21
แห่งทั่วประเทศ
-ด้านสังคมสงเคราะห์ ทรงเยี่ยมชุมชนแออัดของกรุงเทพฯ
หลายแห่ง เช่น ชุมชนแออัดพระโขนง เขตคลองเตย เขตยานนาวา
พระราชทานพระราชทรัพย์สนับสนุนโครงการของชุมชน เช่น โครงการพัฒนาเด็กเล็กที่ขาดแคลน
โครงการปราบปรามยาเสพติด
-ด้านเกษตรกรรม ทรงตั้งโครงการทำปุ๋ยหมักจากผักตบชวาและวัชพืชอื่น
ๆ เพื่อพระราชทานแก่เกษตรกร สำหรับนำไปใช้ในการเพาะปลูกเป็นการเพิ่มผลผลิต
ที่บ้านแหลมสะแก จังหวัดสุพรรณบุรี ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์
ตั้งแต่ พ.ศ. 2545 เพื่อช่วยเหลือราษฎรในท้องถิ่นให้ได้มีเทคโนโลยีการเกษตรแผนใหม่
ทรงมีพระราชดำริให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาแหล่งน้ำในหลายพื้นที่
เช่น ศูนย์การเรียนรู้และพัฒนาด้านการเกษตรกรรมเกษตรวิชญา บ้านกองแหะ อำเภอแม่ริม
สมเด็จพระเทพฯ (สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี)
พระราชกรณียกิจของพระองค์ครอบคลุม 5
ด้านใหญ่ๆครับ
-ด้านการศึกษา ทรงเป็น
"ทูลกระหม่อมอาจารย์" สำหรับนักเรียนนายร้อย
ทรงพระราชดำริให้ก่อตั้งโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ
ขึ้นในพระบรมมหาราชวัง
เพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาให้กับบุตรหลานข้าราชบริพารและประชาชนทั่วไป ทรงพระราชทานทุนส่งเสริมการเรียนดี
และพระราชทานประกาศนียบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานจากสถานศึกษาต่าง ๆ คือ
โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ วิทยาลัยในวังชาย วิทยาลัยในวังหญิง โรงเรียนผู้ใหญ่พระดาบส
ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนกาญจนาภิเษก (วิทยาลัยในวัง) กาญจนาภิเษกวิทยาลัย
(ช่างทองหลวง)
ทรงมีแนวความคิดจัดตั้งโครงการพัฒนานักอักษรศาสตร์รุ่นใหม่ขึ้น
โดยความร่วมมือของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาและคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทรงสนับสนุนการช่วยเหลือ
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ให้เป็นโรงเรียนผลิตนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์
สร้าง"องค์ความรู้"ให้แก่ประเทศไทย
-ด้านการอนุรักษ์ศิลปะและวัฒนธรรม ทรงมีพระราชกรณียกิจมากมายเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาศิลปวัฒนธรรมไทยทั้งในด้าน
การช่างไทย นาฎศิลป์ไทย งานพิพิธภัณฑ์ ประวัติศาสตร์และโบราณสถาน
ภาษาและวรรณกรรมไทย พระองค์ได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายพระสมัญญาว่า “
เอกอัครราชูปถัมภกมรดกวัฒนธรรมไทย ”
-ด้านการพัฒนาห้องสมุดและการรู้หนังสือ สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาสยามบรมราชกุมารี
ทรงสนพระทัยการอ่านและการพัฒนาห้องสมุด
ทรงรับสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯไว้ในพระราชูปถัมภ์
-ด้านการสาธารณสุข จากการที่พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังถิ่นทุรกันดาร
ทำให้พระองค์ทอดพระเนตรเห็นถึงปัญหาทางด้านสุขภาพอนามัยของราษฎรในชนบท
จึงทรงตั้งโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน
เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอาหารกลางวันของเด็กนักเรียน พระองค์ยังทรงจัดตั้งหน่วยแพทย์พระราชทานและหน่วยทันตกรรมพระราชทานเพื่อออกตรวจรักษาราษฎรในถิ่นทุรกันดารที่พระองค์เสด็จ
-ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ทรงเป็น “IT Princess” พระองค์มีพระราชดำริให้นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการพัฒนาพัฒนาประเทศหลายประการ
เช่นการพัฒนาการศึกษาของโรงเรียนในชนบท มีโรงเรียนในโครงการประมาณ 85 แห่ง
โครงการเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อคนพิการ
เพื่อให้คนพิการสามารถใช้คอมพิวเตอร์เพื่อสร้างความรู้ สร้างอาชีพต่อไปในอนาคต ทรงโปรดให้นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้กับงานทางด้านการเผยแพร่วัฒนธรรมของไทย
76 จังหวัด ผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยมีกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ดูแลโครงการนี้
เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ (สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระศรีสวางควัฒน
วรขัตติยราชนารี)
-ทรงก่อตั้งกองทุนจุฬาภรณ์ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทย
-ทรงก่อตั้งศูนย์วิจัยด้านโรคมะเร็งที่มีความเป็นเลิศทางการวิจัย
วิชาการ และการบำบัดรักษา
พร้อมทั้งพัฒนาเป็นศูนย์ชำนาญการวินิจฉัยมะเร็งที่ก้าวหน้าและทันสมัยที่สุดในภูมิภาค
-ทรงจัดตั้งศูนย์ไซโคลตรอนและเพทสแกนแห่งชาติ(Cyclotron and PET Scan) ซึ่งเป็นหน่วยงานให้บริการในการตรวจโดยสารเภสัชรังสี
เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับสูง
-ทรงให้ความสำคัญกับงานเทคโนโลยีเพื่อการเพาะเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจ
โปรดให้จัดงานประมงน้อมเกล้าฯ เป็นกิจกรรมการแสดงนิทรรศการของการประมงในประเทศไทย
-ทรงก่อตั้งมูลนิธิ หน่วยงาน
เพื่อสุขภาพที่ดีของชาวไทยตลอดจนสิ่งแวดล้อมเช่น
มูลนิธิเทียนส่องใจเพื่อคนไข้โรคลมชัก , สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์แห่งประเทศไทย, สมาคมเคมีแห่งประเทศไทย
,และ
มูลนิธิรักษาพยาบาลสัตว์ป่วยอนาถา โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
(นี่แค่เป็นข้อมูลคร่าวๆนะครับ
เพื่อให้เห็นภาพรวมของพระราชกรณียกิจของแต่ละพระองค์)
จากสิ่งที่สถาบันกษัตริย์ได้ทำให้กับประเทศชาติ
แล้วพวกเราจะยังอยากที่จะเรียกร้องปฎิรูปสถาบัน 10 ข้อนี้อีกหรือ?
1. ยกเลิกมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ
ที่ว่าผู้ใดจะกล่าวหาฟ้องร้องกษัตริย์มิได้
2. ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
รวมถึงเปิดให้ประชาชนได้ใช้เสรีภาพแสดงความคิดเห็นต่อสถาบันกษัตริย์ได้
และนิรโทษกรรมผู้ถูกดำเนินคดีเพราะวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ทุกคน
3. ยกเลิก พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
พ.ศ.2561
และให้แบ่งทรัพย์สินออกเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงการคลัง
และทรัพย์สินส่วนพระองค์ที่ของส่วนตัวของกษัตริย์อย่างชัดเจน
4.
ตัดลดงบประมาณแผ่นดินที่จัดสรรให้กับสถาบันกษัตริย์ให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ
5. ยกเลิกส่วนราชการในพระองค์
หน่วยงานที่มีหน้าที่ชัดเจน เช่น
หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ให้ย้ายไปสังกัดหน่วยงานอื่น
และหน่วยงานที่ไม่มีความจำเป็น เช่น คณะองคมนตรี ให้ยกเลิก
6.
ยกเลิกการบริจาคและรับบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลทั้งหมด
เพื่อกำกับให้การเงินของสถาบันกษัตริย์อยู่ภายใต้การตรวจสอบทั้งหมด
7.
ยกเลิกพระราชอำนาจในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในที่สาธารณะ
8.
ยกเลิกการประชาสัมพันธ์และการให้การศึกษาที่เชิดชูสถาบันกษัตริย์แต่เพียงด้านเดียวจนเกินงามทั้งหมด
9. สืบหาความจริงเกี่ยวกับการสังหารเข่นฆ่าราษฎรที่วิพากษ์วิจารณ์หรือมีความเกี่ยวข้องใดๆ
เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์
10.
ห้ามมิให้ลงพระปรมาภิไธยรับรองการรัฐประหารครั้งใดอีก
พี่ขอถามตรงๆนะ
1.มีข้อไหนที่ยกเลิกไปแล้วทำให้เรามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นบ้างครับ?
2.น้องๆอยากจะบูลลี่กษัตริย์แล้วไม่มีความผิด
มากเลยเหรอ?
3.ตัวคนที่ชักจูงพวกน้องๆเคยทำอะไรเพื่อประเทศชาติและประชาชนบ้างครับ?
สงครามล้มเจ้านี้ไม่ใช่ของพวกเราครับ อย่ายอมเป็นเบี้ยในกระดานให้ใครอีกเลย!
ย้ำอีกทีนะ
ถ้าแค่รถติดแล้วทำให้เราคิดล้มเจ้า และถ้าเราเชื่อจดหมาย CIA ลับสุดๆแต่ดันไปอยู่ในมือคนล้มเจ้า!
แล้วทำไมเราไม่เข้าไปดูโครงการต่างๆที่ในหลวงทำหละครับ?
ไปค้นหาความจริงแล้วจะรู้ว่า ท่านทำเพื่อพวกเรา พ่อแม่ และญาติมิตรของเราจริงๆ
ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นเลยครับ เพราะมีอยู่ทั่วประเทศ รอการพิสูจน์จากน้องๆเลยครับ
ท้าให้ไปจริงๆ
พี่อยากจะบอกว่า คนแก่ คนรุ่นเก่า
พ่อแม่ของเรา
เค้าไม่ได้ถูกล้างสมองจากข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตหรือโฆษณาชวนเชื่อหรอกครับ
แต่พวกเค้าได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ได้พบ ได้เห็น
ได้สัมผัสกับสิ่งที่ท่านทำเพื่อประชาชนของพระองค์จริงๆครับ
(ขอบคุณที่น้องๆอ่านจนจบนะครับ ตอนนี่น่าจะทราบกันแล้วนะครับว่า
กษัตริย์มีไว้ทำไม?)
< ย้อนกลับ | ถัดไป > |
---|