Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Thaiihdc.org

สารแสดงความยินดี เนื่องในโอกาส “ครึ่งศตวรรษ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล”

พิมพ์ PDF

สารแสดงความยินดี

เนื่องในโอกาส ครึ่งศตวรรษ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล

 

วิจารณ์ พานิช

นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล

.................

 

 

เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๕ ผมข้ามฟากมาเรียนหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต ที่คณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล (มีคำว่า และ)  มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์    ซึ่งในขณะนั้นเป็นกรมมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์    สังกัดกระทรวงสาธารณสุข    มีศาสตราจารย์ นายแพทย์สวัสดิ์ แดงสว่าง เป็นผู้บัญชาการกรม    การเรียนในปีที่ ๑ ที่ศิริราช เรียนวิชามหกายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยาและชีวเคมี เป็นหลัก    และมีนักศึกษาปริญญาโท ซึ่งเป็นรุ่นพี่ของพวกเราที่จุฬาฯ มาเรียนด้วย ๒ - ๓ คน   คนหนึ่งคือ รศ. ดร. ประณีต ผ่องแผ้ว แห่งคณะเวชศาสตร์เขตร้อน

แสดงว่าหลักสูตรบัณฑิตศึกษาในมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นมหาวิทยาลัยมหิดล) นั้น    มีมาก่อนตั้งบัณฑิตวิทยาลัยอย่างเป็นทางการ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๗

อาจารย์ของพวกเราในตอนนั้น จำนวนหนึ่งได้รับปริญญาแพทยศาสตรดุษฎีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์เอง    โดยไม่มีการเรียนรายวิชา มีแต่การเสนอวิทยานิพนธ์    ที่ผมใกล้ชิดคือ วิทยานิพนธ์ของศาสตราจารย์แพทย์หญิง คุณสุภา ณ นคร    เป็นผลงานวิจัยเกี่ยวกับ ฮีโมโกลบิน อี    ตอนทำงานที่ตึกอานันทราช ผมเคยเปิดดูบ่อยๆ    เป็นประวัติศาสตร์ของบัณฑิตศึกษาในประเทศไทย ที่ย้อนหลังไปก่อนมีการก่อตั้งบัณฑิตวิทยาลัย คงจะไม่ต่ำกว่า ๒๐ ปี

เมื่อผมเรียนจบปริญญาโท สาขามนุษยพันธุศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน กลับมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๑ ก็ได้บรรจุเข้ารับราชการที่บัณฑิตวิทยาลัย    แต่ทำงานที่สาขาวิชาโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์  คณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล    โดยในขณะนั้น ศาสตราจารย์ นายแพทย์สวัสดิ์ สกุลไทย์ ดำรงตำแหน่งคณบดีผู้ก่อตั้ง     ท่านบอกให้ผมไปเซ็นชื่อในสมุดเซ็นชื่อมาทำงานของบัณฑิตวิทยาลัย (ขณะนั้นอยู่ที่อาคารสองชั้นหลังเล็กๆ ตั้งอยู่ด้านหลังตึกอำนวยการของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ในปัจจุบัน) ทุกวัน    ผมไปเซ็นชื่อเป็นคนแรกทุกเช้า เวลาประมาณ ๗ น. เป็นเวลาสองสามปี    ท่านคงจะมั่นใจว่าผมไม่เหลวไหลอู้งานหรือเบี้ยวงานแน่ จึงบอกผมให้ไม่ต้องเซ็นชื่อมาทำงานอีกต่อไป

ต่อมา คงจะประมาณปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ท่านคณบดี ศ. นพ. สวัสดิ์ บอกผมว่า บัณฑิตวิทยาลัยต้องมีเลขานุการคณะ และขอตั้งให้ผมทำหน้าที่นี้    ผมเรียนถามท่านว่า ต้องทำหน้าที่อะไรบ้าง    ท่านบอกว่า มีงานประจำอย่างเดียวคือเซ็นค่าสอนพิเศษ    เจ้าหน้าที่เขาส่งเอกสารมาให้เซ็นก็เซ็นไป    ผมจึงเป็นเลขานุการคณะที่ไม่เคยมีโต๊ะนั่งทำงานที่บัณฑิตวิทยาลัย    เจ้าหน้าที่เขาส่งเอกสารไปให้เซ็นที่ ตึกอานันทราช

คงจะเพราะผมมีตำแหน่งเลขานุการบัณฑิตวิทยาลัย    ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๑๔ มีดำริจัดตั้ง “ศูนย์ศาลายา”   มีการแต่งตั้งคณะทำงานวางแผนแม่บทพื้นที่มหาวิทยาลัยมหิดล ณ ศาลายา (ชื่ออาจคลาดเคลื่อน เพราะเขียนจากความจำ)  มี ศ. นพ. กษาณ จาติกวนิช รองอธิการบดี เป็นประธาน   ศ. นพ. สวัสดิ์ สกุลไทย์ เป็นรองประธาน   กรรมการเท่าที่จำได้มี ศ. ดร. กำจร มนุญปิจุ, ศ. ดร. อมร รักษาสัตย์, ศ. นพ. ณัฐ ภมรประวัติ, ศ. นพ. ประเวศ วะสี    จำได้ว่าครั้งหนึ่งคณะกรรมการนั่งรถไฟไปกราบนมัสการท่านพุทธทาสที่สวนโมกขพลาราม ไชยา    เพื่อขอคำปรึกษาเรื่องการจัดการศึกษามหาวิทยาลัย    สมัยนั้นยังไม่มีทางหลวงสายเอเซียที่ตัดผ่านหน้าวัด    เราไปถึงไชยาประมาณตีสี่    พี่ศิริ พานิช ว่าจ้างรถรับจ้างสองแถวมารับที่สถานีรถไฟไชยา พาไปสวนโมกข์ทันที    ไปถึงท่านพุทธทาสนั่งอยู่ที่หน้ากุฏิอยู่แล้ว    โดยท่านนั่งสัปหงก เราไปถึงสักครู่ท่านก็ลืมตาขึ้น    และ ศ. นพ. สวัสดิ์ ก็เริ่มต้นถามท่านทันที    สาระคำแนะนำของท่านก็คือ การศึกษาต้องมีส่วนของการลดละความเห็นแก่ตัว ไม่ใช่พอกพูนกิเลส    คือต้องเรียนรู้ด้านในหรือด้านจิตวิญญาณด้วย    อีกกว่า ๔๐ ปีให้หลัง มหาวิทยาลัยมหิดลจึงมีศูนย์จิตตปัญญาศึกษา

เราโดยสารรถไฟชั้นหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องนอนแยกเป็นห้องๆ กลับกรุงเทพในคืนนั้น    โดยตอนเย็นได้ไปกินอาหารทะเลที่พุมเรียง   และ ศ. นพ. ณัฐ ภมรประวัติ ซื้อปูทะเลมาเข่งใหญ่เอากลับกรุงเทพ    ตกกลางคืนมีปูหลุดออกมาคลานในตู้รถไฟ    มีคนแซวว่าไปวัดแต่กลับทำบาปซื้อปูมากิน    เข้าใจว่าคนแซวคือ ศ. ดร. กำจร มนุญปิจุ

เกร็ดประวัติศาสตร์เหล่านี้หากไม่บันทึกไว้ ต่อไปจะสูญหายไป    จึงถือโอกาสนำมาเล่าไว้ในหนังสือเฉลิมฉลองครึ่งศตวรรษ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล

ในช่วงเวลา ๕๐ ปี บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล ได้สร้างคุณูปการให้แก่วงวิชาการของประเทศไทยอย่างกว้างขวาง    ไม่ใช่แค่สร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่มหาวิทยาลัยมหิดลเท่านั้น    โดยในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ มีหลักสูตรปริญญาเอกรวมทั้งสิ้น ๖๘ หลักสูตร  เป็นหลักสูตรนานาชาติ ๕๖ หลักสูตร    มีหลักสูตรปริญญาโท ๑๕๕ หลักสูตร   เป็นหลักสูตรนานาชาติ ๗๑ หลักสูตร    นอกจากนั้นยังมีหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต ๕ หลักสูตร และ ประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง ๔ หลักสูตร (ข้อมูล สภามหาวิทยาลัยมหิดล ครั้งที่ ๔๗๘ เมื่อวันที่ ๒๐ พ.ย. ๒๕๕๖)   ที่สำคัญคือ เป็นหลักสูตรที่มีคุณภาพสูง    และสภามหาวิทยาลัยมหิดลได้กำหนดนโยบายด้านบัณฑิตศึกษาไว้อย่างชัดเจนว่า    ไม่มีนโยบายเปิดหลักสูตรเพื่อหารายได้เป็นเป้าหมายหลัก    จึงไม่สนับสนุนให้เปิดหลักสูตรพิเศษ ชนิดเรียนไม่เต็มเวลา    หากจะเปิดหลักสูตรชนิดเรียนไม่เต็มเวลา จะต้องมีเหตุผลพิเศษ ที่ไม่ใช่เพื่อการหารายได้

ที่ผ่านมาบัณฑิตวิทยาลัย ได้ทำหน้าที่บริหารจัดการเพื่อสร้างเสริมคุณภาพ ของบัณฑิตศึกษา ในมหาวิทยาลัยมหิดล ได้อย่างน่าชื่นชมยิ่ง

เนื่องในโอกาสฉลองครึ่งศตวรรษ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล    ผมขอแสดงความยินดี  ความชื่นชม และเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่เกี่ยวข้อง ให้ใช้ความริเริ่มสร้างสรรค์ และความเอาใจใส่มานะพยายาม ยกระดับคุณภาพ ของผลงานด้านบัณฑิตศึกษาของมหาวิทยาลัยมหิดล ให้เกิดประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์ สังคมไทย และต่อโลก ยิ่งๆ ขึ้นไป

 

 

วิจารณ์ พานิช

๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๖

 

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย 

แก้ไขล่าสุด ใน วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม 2014 เวลา 21:29 น.
 

ปลัดกระทรวงยุติธรรมเสนอแนวทางปฏิรูป

พิมพ์ PDF
ขอให้เลื่อนการเลือกตั้งวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ออกไปเพื่อนำไปสู่ระยะเวลาที่เพียงพอในการหารือถึงกรอบแนวทางที่ชัดเจนที่จะทำให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเป็นการเลือกตั้งที่นำไปสู่การปฏิรูปอย่างแท้จริง

ปลัดกระทรวงยุติธรรมเสนอแนวทางปฏิรูป

อ่าน ที่นี่

วิจารณ์ พานิช

๑๔ ม.ค. ๕๗

 

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย 

แก้ไขล่าสุด ใน วันพุธที่ 15 มกราคม 2014 เวลา 21:12 น.
 

ทางออกประเทศไทย

พิมพ์ PDF
การเจรจา เกิดขึ้นได้โดยมีประชาชนเป็นเจ้าภาพ พรรคการเมืองถอยหลังคนละก้าว ให้ประชาชนมีพื้นที่ในการสร้างกลไก โดยนักการเมืองเห็นชอบ แล้วจึงทำการเลือกตั้ง

คืนวันที่ 14 มกราคม 2557 ได้ชมรายการทีวีของสถานนี่ Thai PBS เป็นรายการสด "ทางออกประเทศไทย" ช่วงเวลา 22.00-23.00 น พิธีกร/ผู้ดำเนินรายการเป็นผู้หญิง (ขอโทษที่จำชื่อไม่ได้) แขกรับเชิญเป็นประชาชนจำนวนมากกว่า 5 ท่าน ที่เคยมีผลงานในด้านการเป็นตัวแทนของประชาชนมาแล้ว และขณะนี้ได้เข้าไปร่วมในกลุ่มของ "กปปส" เข้าใจว่าเมื่อคืนผมคงเหนื่อยจากการติดตามสถานะการณ์"ปิดกรุง"มาทั้งวัน ทำให้ฟังแล้วไม่ค่อยจะ Happy กับรายการนี้เท่าใด และยังคิดตำหนิผู้ดำเนินรายการว่าไปเชิญใครมาพูด (ไม่ได้เปิดชมรายการตั้งแต่ต้น)

วันที่ 15 มกราคม 2557 ช่วง 11-00-12.00 น ทาง Thai PBS ได้นำเทปรายการ "ทางออกประเทศไทย" ที่ได้ออกอากาศเมื่อคืนวันที่ 14 มกราคม 2557 มาออกอากาศซ้ำ วันนี้ผมมีโอกาสได้ฟังตั้งแต่ต้นรายการ จนจบรายการ ต้องขอชื่นชมผู้ดำเนินรายการและขอบคุณ Thai PBS ที่ทำหน้าที่สื่อได้เป็นอย่างดี โชคดีที่ผมได้ดูรายการนี้ซ้ำทำให้เข้าใจเรื่องทั้งหมด ไม่เหมือนเมื่อคืนที่ทำให้ผมเข้าใจผิดและหลงไปตำหนิทางสถานนี่และผู้ดำเนินรายการของ Thai PBS

อยากให้คนไทยทุกคนหาโอกาสดูเทปรายการนี้ครับ จะทำให้เราเข้าใจเรื่องทุกอย่าง ถึงความเป็นมาของ "กปปส" ทำไม "กปปส"จึงใช้กลยุทธ์เช่นนี้ และเป้าหมายสุดท้ายจะเป็นอย่างไร หลังจากผมได้ฟังและชมจนจบรายการครั้งที่สอง ผมขอคารวะต่อมวลประชาชนที่ออกมาร่วมเดินขบวนขับไล่นักการเมื่อง รวมถึงข้อเสนอให้นายกลาออกจากการรักษาการ ทำให้ผมเข้าใจและขอแสดงความชื่นชมประชาชนที่เสียสละทุกท่าน แกนนำ "กปปส" และผู้มีส่วนร่วมทุกท่าน ท่านทำงานอย่างมีสติมีเหตุมีผล และขอขอบคุณผู้ดำเนินรายการและผู้บริหารของทีวี Thai PBS  ที่ท่านเป็นสื่อที่มีคุณภาพ จัดรายการที่สร้างสรรและทำให้ประชาชนได้รับฟังความจริงโดยไม่มีการจัดฉาก

ขอยกตัวอย่างคำพูดของแขกรับเชิญบางประโยคมาให้รับทราบดังนี้

1.ปัญหาทั้งหมดอยู่ที่นักการเมือง การดำเนิการของ "กปปส" ต้องการให้นักการเมืองอยู่กับร่องกับรอยก่อน เป็นการทำให้พื้นที่ของนักการเมืองเล็กลง และทำให้พื้นที่ของประชาชนมีมากขึ้น ประชาชนเป็นผู้สร้างกลไกโดยให้นักการเมืองเห็นด้วย แล้วค่อยเลือกตั้ง

2.ชาวบ้านรู้ปัญหาของตัวเอง และมีการคุยกับภาครัฐ แต่ภาครัฐไม่ได้แก้ปัญหาอะไรให้เลย ชาวบ้านจึงไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จึงมีการเดินขบวนแต่ก็ไม่ได้ผลอะไร ไม่มีรัฐบาลไหนหรือนักการเมื่อคนไหนแก้ปัญหาให้ชาวบ้านอย่างจริงจัง ได้แต่รับปากแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรให้เกิดขึ้นได้ จึงเป็นการปฎิรูปอย่างโดดเดี่ยว แต่เมื่อมาเข้าร่วมกับ "กปปส" ทำให้มีพื้นที่ในการแสดงออกในปัญหาที่ชาวบ้านประสบอยู่ การปฎิรูปจะทำให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

3.การที่ประชาชนออกมากันมากมายในครั้งนี้เป็นเพราะปัญหาสะสมกันมานาน ประชาชนเริ่มรู้แล้วว่านักการเมืองเอาแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง เห็นความสำคัญของประชาชนแค่ 4 นาทีในช่วงลงคะแนนบัตรเลือกตั้ง

4.นักวิชาการที่ได้รับเชิญท่านหนึ่งแจ้งว่า ที่เข้าร่วมกับ "กปปส" เพราะเห็นว่า "กปปส"เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาของประเทศชาติ ไม่ได้ไปฟังแกนนำของ "กปปส" พูด แต่ไปพูดให้แกนนำและนักการเมื่องฟังเสียงของประชาชน ได้แก่พวกที่อยู่ข้างล่างเวที คนบนเวทีต้องฟังคนข้างล่างเวที เวลาไปประชุมที่ไหนไม่เคยคิดว่าเป็นนักวิชาการ แต่ไปในนามของประชาชน คิดแบบประชาชน

5.ประชาชนใช้ "กปปส" เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหา ไม่ใช่ "กปปส"นำประชาชนมาเป็นเครื่องมืออย่างที่มีบางคนเข้าใจ ประชาชนเข้าร่วมเพื่อแสดงให้นักการเมื่องรู้และเข้าใจพลังของประชาชน พูดให้นักการเมืองฟังและให้นักการเมืองเลิกทำเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองเอง

6.คุณสุเทพมีพลังในการดึงคนหลายๆกลุ่มมาช่วยกันทำงานเพื่อประเทศชาติ คุณสุเทพเป็นผู้ที่ประชาชนเลือก ประชาชนเป็นผู้กำหนดแกนนำไม่ใช่แกนนำใช้ประชาชน

7.ประชาชนไม่ไว้ใจพรรคการเมือง ดังนั้นจึงปล่อยให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 โดยยังไม่มีการปฎิรูปไม่ได้ เพราะจะเข้ารูปเดิม พรรคการเมื่องทุกพรรคต้องถอยออกไปก่อน ปล่อยให้ประชาชนทุกกลุ่มมาร่วมหารือเพื่อกำหนดเรื่องที่จะปฎิรูปก่อน หลังจากนั้นจะเชิญพรรคการเมื่องมารับทราบความต้องการของภาคประชาชน ถ้าพรรคการเมือรับได้ ก็จะได้มีการเลือกตั้ง สำหรับช่วงเวลาที่จะใช้ในการปฎิรูป ใช้เวลาไม่เกิน 1 ปี

8.ทาง "กปปส" ยินดีที่จะประชุมร่วมกับประชาชนทุกกลุ่ม เพื่อมาวางแนวทางปฎิรูปร่วมกัน แต่ขอให้เป็นเฉพาะประชาชน เท่านั้น  นักการเมืองจะเข้ามาร่วมก็ได้แต่ต้องเข้ามาในฐานะของประชาชน ไม่สามารถเข้าร่วมในบทบาทของพรรคใดพรรคหนึ่ง (เอากรอบของพรรคการเมืองออกไป) เมื่อประชาชนด้วยกันวางกรอบเรียบร้อบแล้วจึงจะนำเสนอพรรคการเมือง ถ้าพรรคการเมืองรับได้ก็ค่อยดำเนินการในขบวนการต่างๆไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้ง และอื่นๆเพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ

9.การเจรจาจะต้องมีประชาชนเป็นแกนนำ พรรคการเมืองถอยออกไปคนละก้าว และให้ประชาชนขึ้นมาเป็นแกนในการดำเนินการปฎิรูป

ยังมีอีกมาก ขอให้ไปติดตามรับชมเทปรายการดังกล่าวจะทำให้เข้าใจมากขึ้นครับ และผมเชื่อว่าเป็นทางออกของประเทศไทยอย่างแท้จริง

ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท

15 มกราคม 2557

 

ชีวิตที่พอเพียง : ๒๐๗๕. หลงเข้าดงนักบัญชี

พิมพ์ PDF

เจ้าหน้าที่ของงานกรรมการและผู้ถือหุ้น ของธนาคารไทยพาณิชย์ ส่ง อีเมล์มาแจ้งว่า ครึ่งเช้าของวันที่ ๔ ธันวาคม ๕๖ ตลาดหลักทรัพย์จัด GC Forum 4/2556    เรื่อง The Updated COSO’s 2013 Integrated Internal Control : What the Board and Management Should Do   ขอเชิญไปเข้าในฐานะที่ผมเป็น บอร์ด คนหนึ่ง    ผมตรวจสอบวันว่าง พบว่าว่าง จึงตอบรับ

ทำให้ผมหลงเข้าไปในดงนักบัญชี    มีคนเข้าไปฟังกว่า ๒๐๐ คน   ผมเดาว่าส่วนใหญ่เป็นนักบัญชี

ชีวิตของผมหลงเข้าไปในที่ที่ไม่คุ้นเคยบ่อยๆ    ทำให้ผมได้เรียนรู้เรื่องแปลกๆ ที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เข้าไปเกี่ยวข้อง    เช่นการเป็นกรรมการธนาคาร เป็นต้น

ศ. หิรัญ รดีศรี ประธานคณะอนุกรรมการ ศูนย์พัฒนาการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียน  ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย    กล่าวเปิดว่า COSO (Committee of Sponsoring Organization of the Treadway Commissions) Internal Control – Integrated Framework 2013 ประกาศใช้เมื่อวันที่ ๑๔ พ.ค. ๕๖   ทำให้มีการประชุมทำความรู้จักและเข้าใจในวันนี้    ผมจึงได้รู้จักCOSO   และกรอบความคิดเรื่องการควบคุมภายใน ที่อ่านได้ ที่นี่ ผมได้เข้าใจว่า นี่คือการประกาศมาตรฐานสากล

ผมได้เรียนรู้ว่า Internal Control Framework เก่า ของ COSO ประกาศใช้มาตั้งแต่ปี 1992   คือ ๒๑ ปีมาแล้ว    สภาพแวดล้อมของธุรกิจเปลี่ยนไปมาก    จึงต้องมีการปรับปรุง Framework ในส่วนรายละเอียดปลีกย่อย    แต่ส่วนโครง หรือหัวใจจริงๆ ยังคงเดิม

อ่านจาก เว็บไซต์ที่ลิ้งค์ไว้ข้างบน    ผมพบว่า เขายังคิดตัวช่วยอีกตัวหนึ่ง ชื่อ ICEFR (Internal Control over External Financial Reporting)    เอกสารเหล่านี้เขาขาย ให้อ่านฟรีเฉพาะ Executive Summary   เพราะเขาเชื่อว่า เป็นความรู้และเทคนิคที่ ช่วยให้การทำธุรกิจมีความเจริญยั่งยืน    ไม่ตกเป็นเหยื่อของความผิดพลาด ทั้งโดยบริสุทธิ์ใจ และโดยจงใจ (คือทุจริตนั่นเอง)

ที่จริงนี่คือเรื่องของการทำธุรกิจอย่างสุจริตโปร่งใส    เอาชนะความทุจริตชั่วร้ายทั้งปวง    ซึ่งหลักการชัดเจน ว่าจะต้องแสดงออกอยู่ในทุกอณูขององค์กร    คือเป็นวัฒนธรรมองค์กร    แสดงออกในเชิงค่านิยมยังไม่พอ ต้องมีระบบที่ดีในทุกขั้นตอนของการปฏิบัติงานในทุกระดับ    ตั้งแต่ บอร์ด  ฝ่ายบริหาร  และฝ่ายปฏิบัติการ    โดยคุณพิชัย ชุณหวชิร นายกสภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ และเป็นประธานบริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)    บอกว่า ต้องอยู่ในวิธีคิด ในเรื่องต่างๆ ด้วย    ผมเติมในใจว่า เกี่ยวกับวิธีคิด ความเชื่อ และสันดาน คน

ในที่ประชุม มีการพูดกันเรื่อง ความน่าเชื่อถือของบุคคล ที่เกี่ยวข้องด้วย    ซึ่งผมคิดต่อว่า นี่คือความสำคัญของการเรียนรู้ ด้านคุณธรรมจริยธรรม ผ่านการปฏิบัติ จนเป็นวัตรปฏิบัติเฉพาะบุคคล    ในภาษาพระเรียกว่าเป็นการบำเพ็ญบารมี    ในภาษาสมัยใหม่ เรียกว่า เป็นการสั่งสม social capital    หรือการยอมรับนับถือในสังคม    โดยผมเชื่อว่า นี่คือส่วนหนึ่งของการศึกษา หรือการเรียนรู้    ผมจึงคิดว่า COSO 2013 / COSO 1992 ในเชิงหลักการต้องอยู่ในระบบการศึกษาด้วย    ไม่ใช่อยู่แค่ในวงธุรกิจ

หรือให้กว้างขึ้นไปอีก ต้องอยู่ในคุณธรรมจริยธรรมของคนทุกคน

ผมหลงเข้าดงนักบัญชี    แต่กลับมาบ้าน AAR กับตนเอง กลับเข้าดงการศึกษา ตามความชอบเฉพาะตัว

การศึกษา เรียนรู้ ฝึกฝน เพื่อสร้างตัวตนที่ยึดมั่นในคุณธรรมความดี ความซื่อสัตย์สุจริต เห็นแก่ส่วนรวม    เห็นแก่ผลได้ระยะยาวและยั่งยืน    เป็นสุดยอดของการเรียนรู้ทั้งปวง    และต้องเป็นส่วนแกนของการศึกษาชาติ

 

 

วิจารณ์ พานิช

๕ ธ.ค. ๕๖

วันพ่อ  วันมงคล

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย 

 

ฝรั่งตกใจ การชุมนุมไล่รัฐบาลโกงกิน ไม่นึกว่าคนจะมากันมากมายขนาดนี้

พิมพ์ PDF
คนเตรียมมาชุมนุม 3-5 วัน เพื่อไล่รัฐบาลที่โกงกินบ้านเมือง

ฝรั่งตกใจ การชุมนุมไล่รัฐบาลโกงกิน

Just back from a few hours at the protests and I’ll admit it-  I’m surprised. I thought the protest would be a few thousand, the bored, the instagram/fakebook crowd and the paid. Its packed… photos attached. The crowd at the main stage at the Ratchaprasong intersection is as big (and perhaps bigger) than any of the Red Shirt groups that were same place as 2010. The crowd goes down the road, past the police station and past Siam Paragon on to the Patumwan intersection. It’s the same at the Asoke intersection. Speaking to people, the ones who look like they are planning to stay long term because they have tents; they plan for 3 to 5 days. The junctions at Victory Monument are almost as crowded (looks like I’m walking home tonight). The commentary from the sage is what you would expect- corruption, anti constitutional behavior, abuse of power and also an attack on the DSI - our equivalent of the FBI.

Mass transit continues to run and was also packed as it the only way to navigate the city at the moment.

With the Government hoping that there would be a small turnout, it would be an unpleasant surprise to find so many on the streets- it’s almost like Carnival in Brazil, just more clothes. My biggest takeaway is that this is not like the Red Shirt rallies; which were a largely paid group (the final photo to highlight it). With this level of support, the protest leaders get a new lifeline.

Whats next?

There remains no clear exit strategy or  possibility for a negotiated solution. The Democrat party (yes- they need to change the name) won’t come to the table, there is no real reason for the Government to negotiate. Like it or not they are the elected government. The chance of a coup is remote as the military know that would be chaos as the upcountry red shirts would fight back. Already Red Shirt radio are portraying this as an ‘attack’ on our hero Thaksin’s little sister- who happens to be the PM. We have more court decisions due this week and that’s frankly more relevant to the Government’s ability to operate than the protests.

ฝรั่งสมัยนี้ไม่รู้ว่า รัฐบาลฮิตเล่อร์ก็เป็น elected government

วิจารณ์ พานิช

๑๓ ม.ค. ๕๗

 

 

 

Angus Kent CFA | Managing Director

Macquarie Securities Thailand Limited | Macquarie Group Limited

28th Floor, CRC Tower, All Seasons Place 87/2 Wireless Rd,  by Plus-HD-1.5" style="color: #0022cc; text-decoration: underline !important; background-color: transparent !important; border: none !important; display: inline !important; float: none !important; height: auto !important; margin: 0px !important; min-height: 0px !important; min-width: 0px !important; padding: 0px !important; vertical-align: baseline !important; width: auto !important;">Bangkok

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย 

แก้ไขล่าสุด ใน วันอังคารที่ 14 มกราคม 2014 เวลา 09:06 น.
 


หน้า 398 จาก 558
Home

About Us

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (ศบม.) เป็นองค์กรที่พัฒนาและจัดทำโครงการเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม เป็นองค์กรสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการภาคธุรกิจบริการที่ขาดแคลนบุคลากรที่มีมาตรฐานในการให้บริการ
อ่านเพิ่มเติม

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5607
Content : 3052
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8607206

facebook

Twitter


บทความเก่า