Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Thaiihdc.org

ชีวิตที่พอเพียง : ๒๐๕๑. ตามเสด็จเชียงราย ๑. หอแห่งแรงบันดาลใจ และโครงการพัฒนาดอยตุง

พิมพ์ PDF

ชีวิตที่พอเพียง : ๒๐๕๑. ตามเสด็จเชียงราย ๑. หอแห่งแรงบันดาลใจ และโครงการพัฒนาดอยตุ หลังการประชุมคณะกรรมการนานาชาติ รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ซึ่งประชุมระหว่างวันที่ ๒๓ - ๒๕ ต.ค. ๕๖   สมเด็จพระเทพรัตน์ฯ โปรดนำคณะกรรมการไปทัศนศึกษา จังหวัดเชียงรายระหว่างวันที่ ๒๖ - ๒๘ ต.ค. ๕๖   เป็นกำหนดการหนีน้ำท่วมจังหวัดสระแก้ว ปราจีนบุรี และฉะเชิงเทรา ที่เป็นเป้าหมายของกำหนดการเดิม

เราไปขึ้นเครื่องบินที่บริษัทบางกอก แอร์เวย์ส จัดถวาย ที่สนามบินกองทัพอากาศ    เหมือนทุกๆ ปี    แต่ปีนี้กองทัพอากาศไม่อนุญาตให้เอารถไปจอดทิ้งค้างคืนเหมือนปีก่อนๆ    นัยว่าเพราะมีวีไอพีไปมีวังที่นั่น

ก่อนไป ๒ วัน สมเด็จพระสังฆราชสิ้นพระชนม์   คนไทยจึงต้องปรับเครื่องแต่งกาย    เราส่งกระเป๋าเสื้อผ้ากับทางเจ้าหน้าที่ในวังไปก่อนแล้ว    จึงต้องเพิ่มกระเป๋าเสื้อผ้าชุดไว้ทุกข์ในวันเดินทาง

เมื่อไปถึงสนามบินแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ก็ขึ้นรถตรงไปดอยตุงทางถนนพหลโยธิน    แยกเข้าถนน ๑๑๔๙ ไปอีก ๑๓ ก.ม. ก็ถึงพระตำหนักดอยตุง    และเข้าชมหอแห่งแรงบันดาลใจ ที่แสดงพระราชประวัติของราชสกุลมหิดล ที่สร้างแรงบันดาลใจแก่กันและกันในสมาชิกของราชสกุล    ในการประพฤติดี ปฏิบัติดี  ทำคุณประโยชน์แก่บ้านเมือง และแก่คนที่ยากลำบาก    โดยสมเด็จพระเทพรัตน์ ทรงนำชมและอธิบายด้วยพระองค์เอง     แต่สถานที่แคบ คนไทยจึงตามไปห่างๆ ไม่ได้ยินคำอธิบาย    ที่ผมหมายมั่นปั้นมือจะฟังคำอธิบายก็ไม่สมหวัง    เช้าวันที่ ๒๗ ต.ค. ลองค้น อินเทอร์เน็ตที่ห้องพักหมายเลข ๘ บนชั้น ๒ ของเรือนรับรองโครงการดอยตุง พบข่าวเสด็จหอแห่งแรงบันดาลใจที่นี่ และ นสพ. เดอะ เนชั่น ฉบับวันที่ ๒๗ ต.ค. ๕๖ ลงเรื่องหอแห่งแรงบันดาลใจอ่านได้ที่นี่

อ่านข้อมูลของโครงการพัฒนาดอยตุงได้ที่นี่ และอ่านเรื่องราวของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงได้ที่นี่ ที่น่าภาคภูมิใจคือ โครงการพัฒนาดอยตุงสามารถเลี้ยงตัวเองได้ ตั้งแต่ปี ๒๕๔๔   โดยมีธุรกิจ ๔ ด้านคือ อาหาร  หัตถกรรม  ผลิตภัณฑ์การเกษตร  และการท่องเที่ยว

ผมเคยมาชมกิจการปลูกป่าแก้จนของโครงการพัฒนาดอยตุงเมื่อกว่า ๕ ปีมาแล้ว ตามในบันทึกนี้ และที่นี่ และคุณใหญ่ นงนาท สนธิสุวรรณ ได้เขียนเล่าการไปเยี่ยมดูงานโครงการพัฒนาดอยตุง เมื่อ ๔ ปีที่แล้ว ที่นี่

เราพักที่เรือนรับรอง    สาวน้อยกับผมพักห้อง ๘ ชั้นบน    ตอนที่ผมไปกับธนาคารไทยพาณิชย์ ไปดูโครงการปลูกป่า ผมนอนที่ห้อง ๑ ชั้นล่าง     ห้องพักสุขสบายเหมือนนอนโรงแรม    อากาศก็เย็นสบาย

เช้าวันที่ ๒๗ ต.ค. เราไปเยี่ยมชมกิจการมะคาเดเมีย    และศูนย์จำหน่ายสินค้าหัตถกรรม    แต่ก่อนไป ตอนรับประทานอาหารเช้า เขามีกาแฟดอยตุงให้สั่ง    ในรายการมีกาแฟมะคาเดเมีย    คนชอบลองของแปลกอย่างผมได้โอกาสลอง    พบว่ามีรสมันดี แต่เขาปรุงหวานไปหน่อย    พอบ่นกับสาวน้อยก็ได้ความคิดว่าน่าจะเอาผสมกับกาแฟ    พอเปิดฝากาแฟมะคาเดเมียก็พบเนื้อมะคาเดเมียลอยอยู่    จึงรู้ว่าจริงๆ แล้วเขามีเนื้อมะคาเดเมียให้ด้วย    จึงได้กินทั้งเนื้อมะคาเดเมีย และได้กาแฟที่รสชาติตรงกับที่ผมชอบ คือออกรสขม

เรื่องโครงการพัฒนาดอยตุง ผมชอบข้อความสั้นๆ จากเอกสารดอยตุง ของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง    ได้พยายามค้น ก็ไม่พบ    พบเว็บไซต์ของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง มีเรื่องราวน่าสนใจมาก ที่นี่ มรว. ดิศนัดดา ดิศกุล เล่าว่า เวลานี้ที่ดอยตุงมีชาวเขา ๖ ชนเผ่าอยู่ร่วมกันอย่างสันติ    ได้แก่ อาข่า  ลาหู่  ไทใหญ่  ไทลื้อ  ไทลัวะ  และจีนก๊กมินตั๋ง    อบต. ที่นี่มีการเลือกตั้งโดยไม่มีการซื้อเสียง

ในวันที่ ๒๗ ต.ค. ๕๖ คณะดูงานไปเยี่ยมชื่นชม ศูนย์ผลิตและจำหน่ายงานมือ โรงคั่วกาแฟ และโรงงานผลิตกระดาษสา

ที่ศูนย์ผลิตและจำหน่ายงานมือ เราไปดูการทอผ้าเป็นหลักใหญ่    มีการคิดประดิษฐ์เครื่องติดตั้งเส้นด้ายยืน กำหนดลวดลาย    สำหรับส่งต่อให้คนทอเอาไปทอต่อไป    และมีการแสดงการติดตั้งเส้นด้ายยืนโดยคนที่เชี่ยวชาญด้วย    เขาบอกว่าคนนี้ต้องเชี่ยวชาญจริงๆ    มีการแสดงการสาวไหมแบบดั้งเดิมใช้วงล้อจักรยาน ปั่นด้วยมือ    และสาวไหมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า     ที่ outlet มีสินค้ามากมายหลายชนิด รวมทั้งพรมปูพื้น และเครื่องเคลือบ    แต่คณะดูงานชุดนี้ซื้อของไม่เก่ง     เราได้รู้จักผ้าที่ทำจากใยของต้นไผ่ ที่นุ่มมากอย่างไม่น่าเชื่อ   และคุณหญิงพวงร้อยบอกว่าไม่ซับความชื้น    เส้นใยของใผ่นำเข้าจากจีน    ราคาจึงสูงถึงผืนละ ๒,๕๐๐ บาท

โรงงานผลิตกระดาษสา มี ๒ ฝั่ง ที่ใช้วิธีการผลิตต่างกัน   ฝั่งหนึ่งใช้วิธีดั้งเดิมแบบไทย    เมื่อได้แผ่นกระดาษก็ตากแห้งด้วยแดด   อีกฝั่งหนึ่งใช้เทคนิคที่เรียนมาจากญี่ปุ่น   ทำแผ่นได้เร็วกว่า และอบแห้งด้วยความร้อนจากลมร้อนที่เป่าผ่านแผ่นให้ความร้อนด้วยไฟฟ้า

เช้าวันสุดท้าย คือวันที่ ๒๘ ต.ค. เขาพาเราไปซื้อของที่ร้านในดอยตุง    หลังจากไปดูการผลิตที่ได้มาตรฐานคุณภาพ สินค้าจึงขายดีมาก    คู่สมรสของกรรมการบางท่านซื้อผ้า หลายชิ้น เป็นเงินหลายหมื่นบาท   สินค้าที่นี่เป็นสินค้าคุณฺภาพ

 

 

วิจารณ์ พานิช

๒๗ ต.ค. ๕๖

 

สาวน้อยที่ระเบียงห้องพัก หมายเลข ๘

 

 

 

โรงงานแปรรูปเมล็ดมะคาเดเมีย

 

 

 

ทรงเล่าเรื่อการตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาทรงงานที่นี่

 

ภาพที่ทรงใช้ประกอบการเล่าเรื่อง

 

ดอกผลและเมล็ดมะคาเดเมีย

 

ผลิตภัณฑ์จากมะคาเดเมีย ใช้ได้ทุกส่วน

 

เนื้อมะคาเดเมียหลากรส

 

โรงงานกระดาษสาฝั่งเทคนิคญี่ปุ่น

 

โรงงานกระดาษาสาฝั่งเทคนิคดั้งเดิมของไทย

 

ศูนย์ผลิตและจำหน่ายงานมือ

 

งานมือแบบดั้งเดิม

 

Outlet ผลิตภัณฑ์งานมือ

 

 

โรงคั่วกาแฟ

 

 

หลังการประชุมคณะกรรมการนานาชาติ รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ซึ่งประชุมระหว่างวันที่ ๒๓ - ๒๕ ต.ค. ๕๖   สมเด็จพระเทพรัตน์ฯ โปรดนำคณะกรรมการไปทัศนศึกษา จังหวัดเชียงรายระหว่างวันที่ ๒๖ - ๒๘ ต.ค. ๕๖   เป็นกำหนดการหนีน้ำท่วมจังหวัดสระแก้ว ปราจีนบุรี และฉะเชิงเทรา ที่เป็นเป้าหมายของกำหนดการเดิม

เราไปขึ้นเครื่องบินที่บริษัทบางกอก แอร์เวย์ส จัดถวาย ที่สนามบินกองทัพอากาศ    เหมือนทุกๆ ปี    แต่ปีนี้กองทัพอากาศไม่อนุญาตให้เอารถไปจอดทิ้งค้างคืนเหมือนปีก่อนๆ    นัยว่าเพราะมีวีไอพีไปมีวังที่นั่น

ก่อนไป ๒ วัน สมเด็จพระสังฆราชสิ้นพระชนม์   คนไทยจึงต้องปรับเครื่องแต่งกาย    เราส่งกระเป๋าเสื้อผ้ากับทางเจ้าหน้าที่ในวังไปก่อนแล้ว    จึงต้องเพิ่มกระเป๋าเสื้อผ้าชุดไว้ทุกข์ในวันเดินทาง

เมื่อไปถึงสนามบินแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ก็ขึ้นรถตรงไปดอยตุงทางถนนพหลโยธิน    แยกเข้าถนน ๑๑๔๙ ไปอีก ๑๓ ก.ม. ก็ถึงพระตำหนักดอยตุง    และเข้าชมหอแห่งแรงบันดาลใจ ที่แสดงพระราชประวัติของราชสกุลมหิดล ที่สร้างแรงบันดาลใจแก่กันและกันในสมาชิกของราชสกุล    ในการประพฤติดี ปฏิบัติดี  ทำคุณประโยชน์แก่บ้านเมือง และแก่คนที่ยากลำบาก    โดยสมเด็จพระเทพรัตน์ ทรงนำชมและอธิบายด้วยพระองค์เอง     แต่สถานที่แคบ คนไทยจึงตามไปห่างๆ ไม่ได้ยินคำอธิบาย    ที่ผมหมายมั่นปั้นมือจะฟังคำอธิบายก็ไม่สมหวัง    เช้าวันที่ ๒๗ ต.ค. ลองค้น อินเทอร์เน็ตที่ห้องพักหมายเลข ๘ บนชั้น ๒ ของเรือนรับรองโครงการดอยตุง พบข่าวเสด็จหอแห่งแรงบันดาลใจที่นี่ และ นสพ. เดอะ เนชั่น ฉบับวันที่ ๒๗ ต.ค. ๕๖ ลงเรื่องหอแห่งแรงบันดาลใจอ่านได้ที่นี่

อ่านข้อมูลของโครงการพัฒนาดอยตุงได้ที่นี่ และอ่านเรื่องราวของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงได้ที่นี่ ที่น่าภาคภูมิใจคือ โครงการพัฒนาดอยตุงสามารถเลี้ยงตัวเองได้ ตั้งแต่ปี ๒๕๔๔   โดยมีธุรกิจ ๔ ด้านคือ อาหาร  หัตถกรรม  ผลิตภัณฑ์การเกษตร  และการท่องเที่ยว

ผมเคยมาชมกิจการปลูกป่าแก้จนของโครงการพัฒนาดอยตุงเมื่อกว่า ๕ ปีมาแล้ว ตามในบันทึกนี้ และที่นี่ และคุณใหญ่ นงนาท สนธิสุวรรณ ได้เขียนเล่าการไปเยี่ยมดูงานโครงการพัฒนาดอยตุง เมื่อ ๔ ปีที่แล้ว ที่นี่

เราพักที่เรือนรับรอง    สาวน้อยกับผมพักห้อง ๘ ชั้นบน    ตอนที่ผมไปกับธนาคารไทยพาณิชย์ ไปดูโครงการปลูกป่า ผมนอนที่ห้อง ๑ ชั้นล่าง     ห้องพักสุขสบายเหมือนนอนโรงแรม    อากาศก็เย็นสบาย

เช้าวันที่ ๒๗ ต.ค. เราไปเยี่ยมชมกิจการมะคาเดเมีย    และศูนย์จำหน่ายสินค้าหัตถกรรม    แต่ก่อนไป ตอนรับประทานอาหารเช้า เขามีกาแฟดอยตุงให้สั่ง    ในรายการมีกาแฟมะคาเดเมีย    คนชอบลองของแปลกอย่างผมได้โอกาสลอง    พบว่ามีรสมันดี แต่เขาปรุงหวานไปหน่อย    พอบ่นกับสาวน้อยก็ได้ความคิดว่าน่าจะเอาผสมกับกาแฟ    พอเปิดฝากาแฟมะคาเดเมียก็พบเนื้อมะคาเดเมียลอยอยู่    จึงรู้ว่าจริงๆ แล้วเขามีเนื้อมะคาเดเมียให้ด้วย    จึงได้กินทั้งเนื้อมะคาเดเมีย และได้กาแฟที่รสชาติตรงกับที่ผมชอบ คือออกรสขม

เรื่องโครงการพัฒนาดอยตุง ผมชอบข้อความสั้นๆ จากเอกสารดอยตุง ของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง    ได้พยายามค้น ก็ไม่พบ    พบเว็บไซต์ของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง มีเรื่องราวน่าสนใจมาก ที่นี่ มรว. ดิศนัดดา ดิศกุล เล่าว่า เวลานี้ที่ดอยตุงมีชาวเขา ๖ ชนเผ่าอยู่ร่วมกันอย่างสันติ    ได้แก่ อาข่า  ลาหู่  ไทใหญ่  ไทลื้อ  ไทลัวะ  และจีนก๊กมินตั๋ง    อบต. ที่นี่มีการเลือกตั้งโดยไม่มีการซื้อเสียง

ในวันที่ ๒๗ ต.ค. ๕๖ คณะดูงานไปเยี่ยมชื่นชม ศูนย์ผลิตและจำหน่ายงานมือ โรงคั่วกาแฟ และโรงงานผลิตกระดาษสา

ที่ศูนย์ผลิตและจำหน่ายงานมือ เราไปดูการทอผ้าเป็นหลักใหญ่    มีการคิดประดิษฐ์เครื่องติดตั้งเส้นด้ายยืน กำหนดลวดลาย    สำหรับส่งต่อให้คนทอเอาไปทอต่อไป    และมีการแสดงการติดตั้งเส้นด้ายยืนโดยคนที่เชี่ยวชาญด้วย    เขาบอกว่าคนนี้ต้องเชี่ยวชาญจริงๆ    มีการแสดงการสาวไหมแบบดั้งเดิมใช้วงล้อจักรยาน ปั่นด้วยมือ    และสาวไหมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า     ที่ outlet มีสินค้ามากมายหลายชนิด รวมทั้งพรมปูพื้น และเครื่องเคลือบ    แต่คณะดูงานชุดนี้ซื้อของไม่เก่ง     เราได้รู้จักผ้าที่ทำจากใยของต้นไผ่ ที่นุ่มมากอย่างไม่น่าเชื่อ   และคุณหญิงพวงร้อยบอกว่าไม่ซับความชื้น    เส้นใยของใผ่นำเข้าจากจีน    ราคาจึงสูงถึงผืนละ ๒,๕๐๐ บาท

โรงงานผลิตกระดาษสา มี ๒ ฝั่ง ที่ใช้วิธีการผลิตต่างกัน   ฝั่งหนึ่งใช้วิธีดั้งเดิมแบบไทย    เมื่อได้แผ่นกระดาษก็ตากแห้งด้วยแดด   อีกฝั่งหนึ่งใช้เทคนิคที่เรียนมาจากญี่ปุ่น   ทำแผ่นได้เร็วกว่า และอบแห้งด้วยความร้อนจากลมร้อนที่เป่าผ่านแผ่นให้ความร้อนด้วยไฟฟ้า

เช้าวันสุดท้าย คือวันที่ ๒๘ ต.ค. เขาพาเราไปซื้อของที่ร้านในดอยตุง    หลังจากไปดูการผลิตที่ได้มาตรฐานคุณภาพ สินค้าจึงขายดีมาก    คู่สมรสของกรรมการบางท่านซื้อผ้า หลายชิ้น เป็นเงินหลายหมื่นบาท   สินค้าที่นี่เป็นสินค้าคุณฺภาพ

 

 

วิจารณ์ พานิช

๒๗ ต.ค. ๕๖

 

สาวน้อยที่ระเบียงห้องพัก หมายเลข ๘

 

 

 

โรงงานแปรรูปเมล็ดมะคาเดเมีย

 

 

 

ทรงเล่าเรื่อการตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาทรงงานที่นี่

 

ภาพที่ทรงใช้ประกอบการเล่าเรื่อง

 

ดอกผลและเมล็ดมะคาเดเมีย

 

ผลิตภัณฑ์จากมะคาเดเมีย ใช้ได้ทุกส่วน

 

เนื้อมะคาเดเมียหลากรส

 

โรงงานกระดาษสาฝั่งเทคนิคญี่ปุ่น

 

โรงงานกระดาษาสาฝั่งเทคนิคดั้งเดิมของไทย

 

ศูนย์ผลิตและจำหน่ายงานมือ

 

งานมือแบบดั้งเดิม

 

Outlet ผลิตภัณฑ์งานมือ

 

โรงคั่วกาแฟ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย 

· คำสำคัญ: ชีวิตที่พอเพียง เชียงราย ดอยตุง iac pma pmaf มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง หอแห่งแรงบันดาลใจ โครงการพัฒนาดอยตุง 561211
· หมายเลขบันทึก: 556009
· สร้าง:  4 วันที่แล้ว · อ่าน: แสดง · ดอกไม้:
4
· สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง

 

 

 

 

 

 

 

 

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย 

· คำสำคัญ: ชีวิตที่พอเพียง เชียงราย ดอยตุง iac pma pmaf มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง หอแห่งแรงบันดาลใจ โครงการพัฒนาดอยตุง 561211
· หมายเลขบันทึก: 556009
· สร้าง:  4 วันที่แล้ว · อ่าน: แสดง · ดอกไม้:
4
· สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง

 

แถลงการณ์เครือข่ายแพทย์จุฬาฯ

พิมพ์ PDF
การที่นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาและจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้ปทนราษฎรในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ไม่อาจแก้ปัญหาการเมืองปัจจุบันได้ ทั้งนักการเมืองไร้คุณธรรมจริยธรรม กระทำทุจริตคอร์รัปชัน ไม่เคารพกฎหมาย ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ล้างผิดคนโกง ปฏิเสธอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งความขัดแย้งของคนไทย การเลือกตั้งใหม่จะหยุดปัญหาลงชั่วคราว และจะกลับมาเกิดขึ้นใหม่

แถลงการณ์เครือข่ายแพทย์จุฬาฯ

วันนี้ที่ 13 ธันวาคม 2556 เครือข่ายแพทย์จุฬาฯปกป้องคุณธรรม ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ระบุว่า การที่นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาและจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้ปทนราษฎรในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ไม่อาจแก้ปัญหาการเมืองปัจจุบันได้  ทั้งนักการเมืองไร้คุณธรรมจริยธรรม กระทำทุจริตคอร์รัปชัน ไม่เคารพกฎหมาย    ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ล้างผิดคนโกง   ปฏิเสธอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งความขัดแย้งของคนไทย    การเลือกตั้งใหม่จะหยุดปัญหาลงชั่วคราว และจะกลับมาเกิดขึ้นใหม่ โดยเครือข่ายแพทย์จุฬาฯขอแสดงเจตนารมณ์ ดังนี้

  1. ขอสนับสนุนให้มีการปฏิรูปประเทศไทย เน้นการป้องกันและขจัดการทุจริตคอร์รัปชัน กระจายอำนาจการปกครองสู่องค์กรท้องถิ่น และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมก่อนมีการเลือกตั้ง
  2. ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีลาออกจากการรักษาการทันที เพื่อให้เกิดความเป็นกลางในการปฏิรูปประเทศ
  3. ขอให้จัดตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่เป็นที่ยอมรับของประชาชนทุกภาคส่วน โดยไม่มีพรรคการเมืองและแกนนำเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการให้เกิดการปฏิรูปประเทศและบริหารประเทศชั่วคราวจนกว่าจะมีการปฏิรูปประเทศ
  4. หลังปฏิรูปประเทศให้มีการเลือกตั้งทั่วไปตามกติกาใหม่อย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม
  5. ให้ทุกพรรคการเมืองทำปฏิญญาต่อประชาชนว่าจะปฏิบัติตามแนวทางการปฏิรูปประเทศ จะร่วมกันพัฒนาประเทศโดยปราศจากการทุจริตคอร์รัปชัน กระจายอำนาจการปกครองสู่องค์กรท้องถิ่น และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมอย่างจริงจัง โดยมีกระบวนการติดตามตรวจสอบจากสภาภาคประชาชนและองค์กรอิสระ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการปฏิรูปประเทศไทย

คณาจารย์และบุคลากร คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ร่วมลงชื่อในเครือข่ายฯประกอบ

  • ระดับศาสตราจารย์ 39 คน
  • รองศาสตราจารย์ 65 คน
  • ผู้ช่วยศาสตราจารย์ 27 คน
  • อาจารย์และแพทย์ประจำบ้าน 149 คน
  • พยาบาล บุคลากรสนับสนุน และครอบครัว จำนวน 60 คน

.....รวม 340 คน

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย 

แก้ไขล่าสุด ใน วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม 2013 เวลา 20:13 น.
 

อ.สุรินทร์กล่าว

พิมพ์ PDF
อ.สุรินทร์กล่าว
ผมอยากจะฝากบอกว่า ประชาธิปัตย์น่ะคุณจะปฏิเสธเมื่อไหร่ก็ได้ เลือกตั้งครั้งหน้าแค่ไม่ลงคะแนนให้ อภิสิทธิ์ก็เดินเข้าสภาไม่ได้แล้ว แต่ทักษิณน่ะต้องตอนนี้ เวลานี้เท่านั้น นี่เป็นเพียงเสี้ยวเวลาเดียวในช่วงประวัติศาสตร์ ถ้าผ่านจุดนี้ไปแล้ว มันไม่มีเวลามาปฏิเสธทักษิณอีกแล้ว
บังหลีม(ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ)ให้สัมภาษณ์ น่าคิดมากๆ จากคุณสุรินทร์ พิศสุวรรณ ฝากถึง คนเสื้อแดงที่ยังรักเมืองไทย / คนเกลียดทักษิณแต่ก็เกลียดประชาธิปัตย์ ทุกคนอยากถามเพื่อน ๆ เสื้อแดงจริง ๆ ว่า รับสภาพรัฐบาลนี้กันเข้าไปได้ยังไง ณ จุดนี้ ต่อให้เกลียดประชาธิปัตย์ยังไง แต่ก็น่าจะฉุกคิดบ้างได้แล้วว่าทักษิณ ได้ทำอะไรไปกับประเทศเราบ้าง คนเสื้อแดงจะมองไม่ออกเชียวหรือว่าสิ่งที่เพื่อไทยทำนั้น เลวร้ายกว่าสิ่งที่นักการเมืองยุคไหนทำมาทั้งหมด คนที่ออกมาประท้วง คนที่ราชดำเนินในตอนนี้ ไม่มีใครไม่รู้ว่าประชาธิปัตย์ไม่โกง ไม่มีใครคิดว่าสุเทพเป็นคนดีหมดจด ใคร ๆ ก็รู้ว่านักการเมืองมันโกงทั้งนั้น แต่ทุกวันนี้ทักษิณโกงเกินไปหรือเปล่า ทักษิณล้ำเส้นของเส้นของเส้นที่ขีดไว้ 4-5 ทอด ไกลกว่ารัฐบาลไหน ๆ ที่เคยโกงกันมา สมัยก่อนจะโกงทีต้องหลบต้องซ่อน แต่เดี๋ยวนี้นอกจากจะไม่หลบแล้ว ยังโกงแบบเปิดเผยหน้าด้าน ๆ ด้วย "กูจะโกง ทำไม ใครจะทำอะไรกูได้" วินาทีนี้ ต่อให้ประชาธิปัตย์ หรือสุเทพเลวร้ายแค่ไหน ก็คงเทียบกันไม่ได้อีกแล้ว ก่อนหน้านี้ผมเคยคลางแคลงใจว่าสุเทพจะมี Hidden Agenda หรือเล็งผลประโยชน์อื่น ๆ อีกรึเปล่า เพราะยี่ห้อประชาธิปัตย์บอกตรง ๆ ว่าก็ไม่ค่อยมั่นใจซักเท่าไหร่ แต่ยิ่งนานวันเข้า ก็เริ่มรู้สึกเห็นใจและเชื่อใจขึ้นทีละน้อย ไม่ใช่เพราะพูดจายาหอมสไตล์ประชาธิปัตย์ แต่เป็นการทุ่มสุดตัวชนิดที่เรียกว่าสุดซอย หรือแม้แต่การกล้าสวนกระแสพรรค แตกหักทางความคิดกับต้นสังกัดเดิม และสุดท้ายที่ประกาศว่าจะไม่รับตำแหน่งใด ๆ ทั้งสิ้นหากการปฏิรูปนี้เสร็จสิ้นลง อย่างหลังสุดนี้จะทำได้จริงรึเปล่ายังไม่รู้ แต่คิดว่าสุเทพคงไม่หน้าด้านเท่าจตุพร ณัฐวุฒิ อย่างแน่นอน อีกอย่างที่ผมสัมผัสได้แม้จะแผ่วเบามากและหวังไว้ในใจลึก ๆ ว่าจะเป็นจริงนั่นก็คือ การกลับใจ คนเราไม่ว่าจะเหี้ยขนาดไหน เมื่อยามแก่ชราลงถึงจุดหนึ่ง และโกงกินมาพอแล้ว เลวมาพอแล้ว ก็จะมี moment ที่อยากจะฝากอะไรซักอย่างหนึ่งที่ดี ไว้ให้คนรุ่นหลังได้พูดถึงต่อ ๆ ไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยสัมผัสได้ในตัวของนักการเมืองอย่างทักษิณ เฉลิม บรรหาร เลยแม้แต่นิดเดียว ความรู้สึกนี้คิดว่าคงจะไม่ได้รู้สึกไปเอง เพราะไม่อย่างนั้นคนอย่างสนธิ ลิ้มทองกุลคงไม่ออกมาบอกให้พันธมิตรเข้าร่วมสังฆกรรมกับสุเทพอย่างแน่นอน เพราะสนธิเกลียดสุเทพน้อยกว่าทักษิณนิดเดียวจริง ๆ บางคนบอกว่า ไม่เอาทักษิณ แต่ก็ไม่เอาประชาธิปัตย์เหมือนกัน ผมอยากจะฝากบอกว่า ประชาธิปัตย์น่ะคุณจะปฏิเสธเมื่อไหร่ก็ได้ เลือกตั้งครั้งหน้าแค่ไม่ลงคะแนนให้ อภิสิทธิ์ก็เดินเข้าสภาไม่ได้แล้ว แต่ทักษิณน่ะต้องตอนนี้ เวลานี้เท่านั้น นี่เป็นเพียงเสี้ยวเวลาเดียวในช่วงประวัติศาสตร์ ถ้าผ่านจุดนี้ไปแล้ว มันไม่มีเวลามาปฏิเสธทักษิณอีกแล้ว เพราะทุกอย่างมันโดนกลืนกิน สูญสลายหายไปหมดแล้ว ใครที่ยังรักประเทศไทยน้อยกว่าทักษิณ ใครที่ยังเกลียดชังประชาธิปัตย์ ใครที่ยังไม่มั่นใจในตัวสุเทพ ออกมาเถอะครับ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" เป็นแค่ชื่อตำแหน่งผู้นำการปฏิรูปเท่านั้น ณ เวลานี้เราไม่ได้ต้องการคนดีพร้อม เราไม่ได้ต้องการคนที่ใสสะอาดหมดจด เราต้องการแค่คนที่กล้าลุกขึ้นสู้ เราต้องการคนจุดประกายการปฏิรูปการเมือง เราต้องการกำจัดนักการเมืองชั่ว ๆ ที่แม่งเหี้ยสัตว์ ๆ แต่ยังเสือกลอยหน้าลอยตาอยู่ในสภา โดยที่ประชาชนคนอย่างเรา ๆ ไม่เคยทำอะไรมันได้เลย ในชั่วชีวิตของผม ผมนึกไม่ออกจริง ๆ ว่าโอกาสแบบนี้จะผ่านมาอีกทีเมื่อไหร่ โอกาสในการปฏิรูปการเมืองมันอยู่แค่เอื้อมตรงหน้านี้แล้ว สุเทพ เทือกสุบรรณ ก้าวไปไกลกว่าม๊อบไหน ๆ ที่เคยมีมาทั้งหมด โอกาสแบบนี้ไม่มีอีกแล้ว It's now or never. ถ้าไม่รวมพลังกันตอนนี้ วันพรุ่งนี้ก็จะไม่มีการเมืองไทย ไม่มีอนาคต ไม่มีแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ให้คนเกลียดได้อีกต่อไป credit : ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ via : ครูอัมพร กิจบรรทัด ...
แก้ไขล่าสุด ใน วันอาทิตย์ที่ 08 ธันวาคม 2013 เวลา 00:31 น.
 

เด็กปัญญาเลิศ

พิมพ์ PDF
ผลการวิจัยบอกว่า เด็กที่มีความสามารถพิเศษสูงมากเหล่านี้ ร้อยละ 20-25 มีปัญหาทางอารมณ์และสังคม ตัวเลขนี้สูงกว่าในเด็กทั่วๆ ไปเท่าตัว แต่เด็กที่มีความสามารถพิเศษปานกลาง ไม่มีปัญหานี้

เด็กปัญญาเลิศ

บทความเรื่อง Uncommon Talents : Gifted Children, Prodigies and Savants เขียนโดย Ellen Winner     ตีพิมพ์ในนิตยสาร Scientific American ในปี ค.ศ. 1998    และพิมพ์ซ้ำในหนังสือ The Science of Education ในปี 2012  บอกว่า เด็กปัญญาเลิศนั้นไม่ใช่ว่าจะเลิศไปเสียทุกด้าน   เพราะจริงๆ แล้วปัญญามีธรรมชาติเป็นพหุปัญญา    เด็กที่มีปัญญาเลิศมักมีเฉพาะบางด้าน  และอ่อนแอมากในบางด้าน

และบอกว่าวงการศึกษาเข้าใจผิดเรื่องเด็กปัญญาเลิศมานานเกือบ ๑ ศตวรรษ   จากผลงานวิจัยระยะยาว (กว่า ๗๐ ปี) ของยักษ์ใหญ่ในด้านนี้ คือ Lewis M. Terman แห่งมหาวิทยาลัย สแตนฟอร์ด  ศึกษาเด็ก ไอคิวสูง ๑๓๕ ขึ้นไป กว่า ๑,๕๐๐ คน โดยการวิจัยนี้มีข้อผิดพลาดใหญ่หลวงตั้งแต่เริ่มต้น    คือมอบให้ครูเสนอเด็ก ที่ตนคิดว่าสมองดีที่สุดไปรับการทดสอบเพื่อคัดเลือก   โดยวิธีคัดตัวอย่างแบบนี้ จะได้เฉพาะเด็กที่ครู เห็นว่าเก่งเท่านั้น    เด็กปัญญาเลิศที่เกเร หรือเก็บตัว หรือปรับตัวเข้าสังคมกับเพื่อนไม่ได้ จะไม่อยู่ในข่าย    ทำให้ผลการศึกษาเรื่องเด็กปัญญาเลิศของ เทอร์แมน ผิดพลาด

เทอร์แมน บรรยายเด็กปัญญาเลิศอย่างเลิศเลอเกินจริง   คือไม่ใช่เด่นพิเศษด้านการเรียนวิชาเท่านั้น   ยังเด่นพิเศษด้านสุขภาพ การปรับตัวเข้าสังคม และทัศนคติด้านคุณธรรม    นำไปสู่ความเข้าใจผิดว่า เด็กปัญญาเลิศจะมีชีวิตที่มีความสุข มีความสามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งต่างๆ ได้เก่ง   จึงเป็นเด็กที่ครูไม่ต้องเอาใจใส่มากนัก    เป็นความเข้าใจผิดที่วงการศึกษายังยึดถือมาจนปัจจุบัน

ความเป็นเด็กปัญญาเลิศ (gifted) มีลักษณะเด่น ๓ อย่าง

  1. เรียนรู้เร็ว (precocious)
  2. มีความสนใจและเรียนรู้ในรูปแบบของตนเอง   ไม่ได้เรียนตามแนวทางปกติทั่วๆ ไป
  3. มีความสนใจดื่มด่ำในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ  อาจมุ่งมั่นดื่มด่ำมากจนไม่สนใจเรื่องอื่น   หรือไม่สนใจโลกภายนอก

จุดอ่อนของเด็กปัญญาเลิศคือ อาจอ่อนไหวต่อปัจจัยด้านสังคมและอารมณ์มากกว่าเด็กทั่วไป

นักวิจัยที่ให้ภาพของเด็กปัญญาเลิศแตกต่างไปจาก Lewis Terman คือ Mihaly Csikszentmihalyi แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก (ผู้เขียนหนังสือขายดีเรื่อง Flow)    ที่ได้แสดงให้เห็นว่า เด็กที่เก่งเป็นพิเศษในด้านใดด้านหนึ่ง (เรียน ศิลปะ ดนตรี กีฬา) มักเข้าสังคมกับเพื่อนๆ ยาก   เด็กเหล่านี้มีลักษณะ มีแรงบันดาลใจ (drive) สูง  มีความคิดเป็นของตนเอง  และไม่ชอบสุงสิงกับใครๆ (introvert)    ยิ่งมีความสามารถพิเศษสูงเพียงใด เด็กจะยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยว

ผลการวิจัยบอกว่า เด็กที่มีความสามารถพิเศษสูงมากเหล่านี้ ร้อยละ 20-25 มีปัญหาทางอารมณ์และสังคม   ตัวเลขนี้สูงกว่าในเด็กทั่วๆ ไปเท่าตัว    แต่เด็กที่มีความสามารถพิเศษปานกลาง   ไม่มีปัญหานี้

ผลการวิจัยอีกชิ้นหนึ่งบอกว่า เด็กที่มีความสามารถพิเศษจำนวนหนึ่ง จะพยายามซ่อนความสามารถ ของตน   เพื่อจะได้เข้ากับเพื่อนๆ ได้

เด็กปัญญาเลิศ จึงเป็นความท้าทายของครู   ที่จะช่วยส่งเสริม ให้เด็กได้ประโยชน์จากปัญญาเลิศของตน    และในขณะเดียวกัน ก็มีชีวิตทางสังคมที่ดีในกลุ่มเพื่อน   และให้ได้พัฒนาไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุข และได้ใช้ความสามารถพิเศษของตนให้เป็นประโยชน์ตน และประโยชน์ส่วนรวม

 

เด็กปัญญาเลิศบางด้าน(unevenly gifted)

เด็กเก่งพิเศษมี ๒ แบบ  คือเก่งทุกด้าน กับเก่งบางด้าน   ส่วนใหญ่เป็นแบบหลัง   ยิ่งเก่งพิเศษยอดเยี่ยมเพียงไร โอกาสตกอยู่ในแบบหลังยิ่งสูง    ดังตัวอย่างมีผู้วิจัยพบว่า เด็กที่เก่งคณิตศาสตร์เป็นพิเศษ หรือเก่งพื้นที่ (spatial ability) มักอ่อนด้านถ้อยคำ (verbal ability)    ดังตัวอย่างเด็กอายุ ๘ ขวบคนหนึ่ง สอบ SAT ด้านคณิตศาสตร์ได้ ๗๖๐ จากคะแนนเต็ม ๘๐๐   แต่ผลสอบด้านถ้อยคำ ได้เพียง ๒๙๐ จากคะแนนเต็ม ๘๐๐

Benjamin S. Bloom ศึกษาประวัตินักคณิตศาสตร์ระดับโลก ๒๐ คน    พบว่าไม่มีใครเลยที่อ่านหนังสือออกก่อนไปโรงเรียน   และในจำนวนนี้ ๖ คนมีปัญหาด้านการอ่าน   แต่เด็กปัญญาเลิศโดยทั่วไปแทบทุกคนอ่านหนังสือออกก่อนไปโรงเรียน   ในหนังสือยกตัวอย่างมากมายของคนที่ปัญญาเลิศพิเศษด้านหนึ่ง   แต่มีปัญหาในอีกด้านหนึ่งหรือหลายด้าน

 

นักปราชญ์ปัญญาอ่อน

ในหนังสือเขาใช้คำว่า savant    หมายถึงคนที่เก่งในบางด้าน แต่มี ไอคิวระหว่าง ๔๐ - ๗๐    คือในด้านทั่วไปเป็นคนปัญญาอ่อน    และมักเป็นเด็กออทิสติก

savant มี ๒ แบบ   คือแบบที่ด้านเก่ง เก่งในระดับคนเก่งทั่วๆ ไป   กับแบบที่ด้านเก่ง เก่งในระดับเลิศหาตัวจับยาก    แบบหลังนี้มีเพียงประมาณ ๑๐๐ คนในโลก ซึ่งมักเก่งด้าน ทัศนศิลป์ ดนตรี หรือคิดเลขเร็วสายฟ้าแลบ

savant คือเด็ก unevenly gifted แบบสุดขั้ว

วิธีจัดการสมองพิเศษ

ผมขอหมายเหตุว่าบทความนี้ตีพิมพ์ใน ค.ศ. 1998 คือ ๑๕ ปีมาแล้ว   ในช่วง ๑๕ ปี น่าจะมีความรู้เกี่ยวกับวิธีจัดการเด็กปัญญาเลิศเพิ่มขึ้นมากมาย

วิธีจัดการโดยทั่วไปคือ ยกระดับคุณภาพการศึกษาโดยทั่วไป    และจัดการเรียนรู้ที่ท้าทาย    จะมีคุณต่อเด็กสมองดีจำนวนมาก

วิธีแยกแยะเด็กปัญญาเลิศเพื่อให้การศึกษาพิเศษไม่ควรใช้ การทดสอบไอคิว    ควรทดสอบความถนัด หรือความสามารถเฉพาะด้าน    เมื่อพบก็ให้เด็กได้เรียนวิชานั้นๆ ของนักเรียนชั้นสูงกว่า (advanced course) หรือ AP (Advance Placement) Program ในมหาวิทยาลัย   โดยที่ยังเรียนวิชาอื่นๆ กับเพื่อนร่วมชั้นตามปกติ

วิธีจัดการส่งเสริมเด็กเก่งพิเศษบางด้านอีกวิธีหนึ่งเรียกว่า Accellerated Summer Program    คือจัดชั้นเรียนวิชาที่ตามปกติใช้เวลาเรียน ๑ ปี   แต่จัดให้เรียนภาคฤดูร้อนในเวลา ๒ - ๓ สัปดาห์   เพื่อให้เด็กทั้งได้เรียนวิชา และได้เข้าสมาคมกับเด็กที่ชอบและมีความสามารถพิเศษแบบเดียวกัน

ผมขอหมายเหตุความเห็นส่วนตัวของผม   ว่าส่วนที่ต้องจัดการ และจัดการยากกว่า คือจัดการพ่อแม่เด็ก    ที่อยากให้ลูกของตนเป็นอัจฉริยะเกินจริง    โดยไม่ตระหนักว่า การที่ตนคาดหวังและผลักดันยกลูกเกินไป อาจก่อผลร้ายต่อชีวิตของลูกในระยะยาว    คือทำให้พัฒนาการของลูกไม่ครบด้าน    หรือทำให้ลูกเป็นคนมีปมเขื่อง    สภาพที่พึงระวังคือพ่อแม่ผลักดันลูกเพื่อสนองปมเขื่องของตนเอง

ความพอดี คือเป้าหมาย

วิจารณ์ พานิช

๑๗ พ.ย. ๕๖

 

 

 

 

 

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย 

แก้ไขล่าสุด ใน วันอาทิตย์ที่ 08 ธันวาคม 2013 เวลา 09:58 น.
 

ชีวิตที่พอเพียง : ๒๐๕๐. คณะกรรมการรางวัลนานาชาติ รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล รับพระราชทานเลี้ยง ที่วังสระปทุม

พิมพ์ PDF

หลังการประชุมคณะกรรมการนานาชาติ รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในเย็นวันที่ ๒๓ ต.ค. ๕๖   สมเด็จพระเทพรัตน์ฯ โปรดให้คณะกรรมการเข้าเฝ้า รับพระราชทานเลี้ยงอาหารเย็น ที่วังสระปทุม

เราไปถึงเวลาประมาณ ๑๗.๓๐ น.   ไปนั่งรอที่ห้องรับแขกจนเกือบ ๑๘.๐๐ น. ก็เดินไปที่พระตำหนักใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ ๒๐ เมตร    จำได้ว่าปีที่แล้วก็พระราชทานเลี้ยง    และเมื่อหลายปีที่แล้วเราได้ขึ้นไปชมพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าด้วย

พอเวลา ๑๘ น. ก็เสด็จพระราชดำเนินมา     และนำกรรมการฝรั่งเข้าไปในห้องรับแขก    คนไทยรอข้างนอก ตรงโต๊ะอาหาร    ทรงปฏิสันถารกับฝรั่งประมาณครึ่งชั่วโมงก็เสด็จประทับโต๊ะเสวย    ผู้ที่เขาจัดให้นั่งตรงข้ามเก้าอี้ประทับคือ Sir Gustav Nossal  มีสาวน้อย และผมนั่งขนาบข้าง

กระดาษเอกสารบอกว่ามีอาหาร ๑๑​ รายการ    เริ่มด้วยอาหารฝรั่ง ๓ รายการ    ตามด้วยอาหารไทย ๕ รายการ    แล้วจึงถึงไอศครีม ของหวาน ผลไม้ และชาหรือกาแฟ    ผมกินประมาณครึ่งหนึ่งของอาหารทั้งหมด    ตอนอาหารฝรั่งเขาเสิร์ฟไวน์ขาว    และตอนอาหารไทย เสิร์ฟไวน์แดง    อร่อยทั้งสองอย่าง

ระหว่างร่วมโต๊ะเสวย ทรงชวนคุยเรื่องต่างๆ มากมาย    โดยเฉพาะเรื่องงานต่างๆ ของพระองค์    ทรงรับสั่งว่า หลังอายุ ๖๐ จะเรียนวิชาสาธารณสุขศาสตร์

หลังอาหาร ฝรั่งไปลงนามสมุดเยี่ยม และรับพระราชทานของขวัญ    และเรากราบบังคมทูลลา เมื่อเวลา ๒๐.๓๐ น.

 

วิจารณ์ พานิช

๒๔ ต.ค. ๕๖

 

ทางที่จะเสด็จพระราชดำเนินมา

 

ทรงปฏิสันถารกับกรรมการชาวต่างชาติและคู่สมรส ในห้องรับแขก

 

โต๊ะอาหาร

 

รายการอาหาร

 

อาหารรายการแรก shrimp cocktail

 

รายการที่สอง ซุปฟักทอง

 

รายการที่สาม ปลาตาเดียว

 

ตามด้วยอาหารไทย กับข้าว ๕ อย่าง

 

ไอศครีมมะพร้าวอ่อนหอมมาก

 

ผลไม้

 

ขนมทองเอก ผมไม่ได้แตะ เพราะอิ่มจนจุกแล้ว

 

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย 

แก้ไขล่าสุด ใน วันเสาร์ที่ 07 ธันวาคม 2013 เวลา 23:25 น.
 


หน้า 415 จาก 558
Home

About Us

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (ศบม.) เป็นองค์กรที่พัฒนาและจัดทำโครงการเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม เป็นองค์กรสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการภาคธุรกิจบริการที่ขาดแคลนบุคลากรที่มีมาตรฐานในการให้บริการ
อ่านเพิ่มเติม

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5608
Content : 3052
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8618347

facebook

Twitter


บทความเก่า