Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Thaiihdc.org

กัญชา

พิมพ์ PDF

บทความเรื่องMarijuana, Not Yet Legal for Californians, Might as Well ในนสพ.The New York Times ทำให้ผมทราบว่าในรัฐวอชิงตันของสรอ.กัญชาเป็นสิ่งที่ไม่ผิดกฎหมายอีกต่อไป คนทั่วไปสูบกัญชาบนท้องถนนได้เหมือนสูบบุหรี่

คำที่เตะตาผมคือ “recreational use” ใช้กัญชาเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ เขาบอกว่ายังไม่ถูกกฎหมายแต่ก็ใช้กันทั่วไป เขาว่าในหลายส่วนของรัฐวอชิงตันที่มีการเปลี่ยนกฎหมายให้กัญชาเป็นสิ่งที่ไม่ผิดกฎหมายไปแล้ว การเสพกัญชาก็เหมือนการดื่มเบียร์

ผมเดาว่าเป็นการเสพกัญชาเพื่อลดความเครียด หรือเพื่อกระตุ้นประสาทให้เกิดความสนุกสนานรื่นเริง ที่ฝรั่งเรียกว่า high  ซึ่งโดยส่วนตัวของผมคงจะไม่เอาด้วย เพราะมีวิธีการพักผ่อนหย่อนใจที่ดีกว่านั้น ราคาถูกกว่านั้นและเป็นธรรมชาติกว่านั้น

นั่นคือการออกกำลังกาย  การนั่งสมาธิภาวนา  การอ่านหนังสือ  การเขียนบล็อก เป็นต้น

สารสร้างสุขมีอยู่ในร่างกายของเราเอง คือเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารคล้ายฝิ่นที่ผลิตในร่างกายของเราเอง และเรากระตุ้นให้ร่างกายสร้างมากขึ้นได้ โดยการออกกำลังแบบแอโรบิก

นอกจากนั้น การกินอาหารที่ถูกสุขลักษณะและผลไม้บางอย่าง ก็จะช่วยให้ร่างกายมีสารสุขอีกชนิดหนึ่งในระดับสมดุล หรือดี คือสารซีโรโทนินที่มีในกล้วยสัปปรดมะเขือเป็นต้น

เป็นความสุขที่พอเพียงสร้างง่ายราคาถูก

ที่ผมเห็นด้วย และอยากเห็นคือการใช้กัญชาทางด้านช่วยเหลือผู้เจ็บป่วย ที่เรียกว่า medical use เพื่อช่วยลดความเจ็บป่วยและทรมานโดยเฉพาะผู้ป่วยระยะสุดท้ายของชีวิต

ผมมองว่า recreational use ของกัญชาเป็นสิ่งไม่จำเป็นไม่พอเพียงและจะทำให้กัญชามีราคาแพงทำให้คนเจ็บป่วยเข้าถึงได้ยาก

ผมได้เขียนเรื่องกัญชาไว้ที่นี่

 

วิจารณ์  พานิช

๒๒ ธ.ค. ๕๕

คัดลอกจาก http://www.gotoknow.org/posts/516434

 

 

Gotoknow ตำนานแห่งชีวิต

พิมพ์ PDF

 

Gotoknow ตำนานแห่งชีวิต

7 ปีที่แล้ว ได้รับเชิญไปวันเกิดครบรอบปีที่ 1 ของ Gotoknow พร้อมกับการประกาศใช้ชีวิตร่วมกันของหนุ่มสาว ผู้ให้กำเนิด เครือข่ายสังคมไร้สายไร้พรมแดน และ "น้องต้นไม้" ผู้เชื่อมสายใยแห่งความผูกพันธ์ของชีวิตมิ่งมิตรผู้ร่วมสร้างสรรค์


วันเวลาผ่านไป ตำนานแห่งชีวิตเล่มใหญ่ในสังคมไร้สาย ร้อยเรียงเนียนกับทักษะที่จำเป็นของชีวิตใน ศตวรรษที่ 21 เชื่อมโยงใยความสัมพันธ์ให้ ฅ ฅน ทำงาน ได้ ถอดบทเรียน ลิขิต เล่าสู่กันฟัง แลกเปลี่ยนเรียนรู้ สร้างชุมชนนักปฏิบัติ อย่างต่อเนื่อง ยาวนาน จนก้าวขึ้นปีที่ 9

จำได้ว่าตอนที่เริ่มนำ KM มาเติมเต็มงานประจำในรั้วมอดินแดง บ้านเก่าของ JJ กูรู ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช อดีตผู้อำนวยการ สถาบันจัดการความรู้ หรือ สคส ท่านแรก ที่บอกว่า "กูไม่รู้" เป็นท่านที่พูดกับ JJ ว่า "ถ้าจะใช้ KM ควรหัดถอดบทเรียนเขียนบันทึกที่เรียกว่า Diary ด้วยนะ"

จนถึงวันนี้ สมาชิกที่ติด Blog โดยเฉพาะ กลุ่ม UKM หรือ เครือข่ายการจัดการความรู้ระหว่างมหาวิทยาลัย ที่ตกลงปลงใจจะเข้าร่วมเป็นเครือข่ายได้มีการลงนาม เมือวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๔๗ ก่อนเกิดสึนามิหนึ่งวัน

พัฒนาการของ G2K มีสมาชิกดั้งเดิม เฉกเช่น ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช อดีต นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล  อาจารย์ ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืด ผอ.สคส ท่านปัจจุบัน รศ.รังสรรค์ เนียมสนิท คุณเอื้อแห่ง มอดินแดง อาจารย์ ดร.โอ๋ อโณทัย แห่ง มอ ฯลฯ ที่ยังร่วม เล่าประสบการณ์มาอย่างยืนยาวนาน

หลายท่านออกจากเครือข่ายไปด้วยภาระกิจที่จบสิ้นไปพร้อมกับตำแหน่งหน้าที่การงาน

หลายท่านเข้ามาร่วมในเครือข่าย เช่น อ.ดร.วัลลภา คณบดี คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และ อีกหลายๆท่านที่เข้ามาร่วม ถอดบทเรียน เล่าประสบการณ์ และ แลกเปลี่ยนตำนานชีวิตลิขิตลงใน Gotoknow

ย่างปีที่ 9 Gotoknow มีการปรับเปลี่ยนโฉมหน้า ให้ทันสมัย ถูกใจ ฅ ฅน รุ่นใหญ่ และ ฅ ฅน รุ่นใหม่

ปีที่ 9 ก้าวหน้า  นำพาสร้างสรรค์ ร่วมพลัง ถอด ลิขิต เก็บ ตำนานชีวิต มิ่งมิตร Blogger ต่อไปครับ

JJ2013

คัดลอกจาก http://www.gotoknow.org/posts/536989

 

คัดค้านร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2556

พิมพ์ PDF

จดหมายเปิดผนึกร่วมคัดค้านร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2556

โปรด Click http://thaisocialwork.files.wordpress.com/2013/04/2013-04-218_fax-022951154.pdf เพื่อ download ฉบับจริงแล้วลงนามคัดค้านร่างผังเมืองดังกล่าว ส่งกลับมาทาง Fax 02.295.1154 หรือ Email: อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน ภายในวันอังคารที่ 30 เมษายน 2556 นี้นะครับ

10 ถ.นนทรี ยานนาวา กทม. 10120

25 เมษายน 2556

เรื่อง      คัดค้านร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2556

เรียน     น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

นายประชา ประสพดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

พลตำรวจโท ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

พลเอก พฤณท์ สุวรรณทัต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

นายฐานิสร์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย

นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

เนื่องด้วยขณะนี้กรุงเทพมหานครพยายามเสนอต่อกระทรวงมหาดไทยเพื่อผลักดันร่างผังเมืองฉบับใหม่ออกมาประกาศใช้ แต่ร่างดังกล่าวมีข้อบกพร่องมากมาย หากนำมาใช้จะสร้างปัญหามากกว่าจะช่วยสนับสนุนการวางแผนพัฒนาเมืองให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย  กระผมจึงขอคัดค้านร่างดังกล่าวดังนี้ และขณะนี้กำลังขอความร่วมมือกับประชาชนในการคัดค้านร่างฉบับนี้และจะส่งรายชื่อมาให้ท่านต่อไป:

1. ในพื้นที่ธุรกิจใจกลางเมืองถูกจำกัดการก่อสร้างทั้งที่ควรให้พัฒนาในแนวสูง เพื่อใช้ที่ดินอย่างคุ้มค่าและเก็บภาษีได้มาก  กรุงเทพมหานครมักอ้างว่ามีไฟไหม้อาคารขนาดใหญ่บ่อยครั้ง ซึ่งไม่จริง  ในช่วง พ.ศ.2550-5 อาคารเหล่านี้ เกิดเพลิงไหม้ลดลงจาก 9% เหลือ 1% อาคารเหล่านี้มีระบบป้องกันไฟไหม้ที่ดี กรุงเทพมหานครควรปรับปรุงประสิทธิภาพในการดับเพลิง แทนที่จะนำมาอ้างเพื่อกีดขวางการพัฒนา

2. ร่างผังเมืองนี้ทำให้เมืองขยายออกไปในแนวราบ รุกทำลายสิ่งแวดล้อมและพื้นที่เกษตรกรรม สิ้นเปลืองงบประมาณขยายสาธารณูปโภคไม่สิ้นสุด ยังทำให้ประชาชนเสียเวลาและค่าใช้จ่ายมาก ซึ่งเป็นการผลักภาระและปัญหาไปสู่จังหวัดอื่น เช่น

2.1 ในพื้นที่ ย.3 ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่อาศัยหลายร้อยตารางกิโลเมตรและมีอะพาร์ตเมนต์ให้บริการผู้มีรายได้น้อยมากมาย กรุงเทพมหานครกลับห้ามสร้างอะพาร์ตเมนต์ขนาดเกิน 1,000 ตารางเมตรหากถนนผ่านหน้าที่ดินมีความกว้างไม่ถึง 30 เมตร  ทั้งที่รู้ว่าในความเป็นจริงไม่มีซอยใดที่จะมีความกว้างเช่นนี้

2.2 ในพื้นที่ ย.2 ห้ามสร้างทาวน์เฮาส์ ทั้งที่บริเวณเหล่านี้มีทาวน์เฮาส์สำหรับผู้มีรายได้ปานกลางและรายได้น้อยอยู่มากมาย  ดังนั้นต่อไปประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลางต้องระเห็จออกไปอยู่นอกเมือง โดยตามรอยตะเข็บเขตสมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี กลับมีโครงการใหญ่ๆ ประเภทอาคารชุดและทาวน์เฮาส์มากมาย เพราะไม่สามารถสร้างในเขตกรุงเทพมหานครได้

3. ตามร่างผังเมืองใหม่ก็ไม่ได้กำหนดให้มีแผนการป้องกันน้ำท่วมอย่างเป็นรูปธรรมเพราะไม่ได้ทำถนนและเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ระบบเปิดปิดน้ำกันน้ำทะเลหนุน และระบบคลองระบายน้ำใหม่ๆ เป็นต้น ยิ่งกว่านั้นกรุงเทพมหานครควรดำเนินการอย่างมีบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่น

4. ผังเมืองที่ออกมาไม่สอดคล้องกับความจริงในหลายประการ เช่น
4.1 ถนนบางเส้นไม่จำเป็นต้องสร้าง เช่น ถนน ง.2 หนองจอก เพราะสภาพเป็นทุ่งนา แต่บางเส้นเล็กและคดเคี้ยวกลับไม่ตัดถนน เช่นทางเข้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตบางขุนเทียน
4.2 กำหนดการใช้พื้นที่ไม่เป็นจริง เช่น พื้นที่พาณิชยกรรม พ.1-12 ถนนนวมินทร์กลับมีสภาพจริงเป็นหมู่บ้านจัดสรร หรือพื้นที่ อ.1-4 ถนนเทียนทะเลที่กำหนดให้เป็นเขตอุตสาหกรรมเฉพาะ 200 เมตรแรกที่ติดถนน (ฝั่งซ้าย) และ ตลอดแนวคลองที่ขนานกับถนน (ฝั่งขวา)  แต่ในความเป็นจริง พื้นที่โดยรอบก็มีโรงงานมากมาย  ผังเมืองจึงวางอย่างละเอียดรอบคอบกว่านี้

5. แผนก่อสร้างและปรับปรุงถนน 140 สายตามร่างผังเมืองรวมนั้น หลายสายก็วาดไว้ตั้งแต่ผังเมืองฉบับปัจจุบันที่ประกาศใช้ในปี พ.ศ.2549 แต่ยังไม่ได้ก่อสร้าง  บางสายก็วาดต่างไปจากเดิม  ที่สำคัญก็คือ งบประมาณก่อสร้างถนนตามที่วาดไว้ยังไม่มีการจัดหาไว้ ซึ่งแสดงถึงความไม่แน่นอน

6. ผังเมืองกรุงเทพมหานครขาดการพัฒนาสวนสาธารณะ ซึ่งขณะนี้มีพื้นที่เพียง 4.65 ตารางเมตรต่อคน ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับมหานครทั่วโลก  ที่สำคัญพื้นที่สวนสวนสาธารณะ 26 ตารางกิโลเมตรยังรวมสวนในหมู่บ้านเอกชน เกาะกลางถนน บึงน้ำ พื้นที่ว่างของกองทัพ ฯลฯ เข้าไปด้วย  นอกจากนี้สวนสาธารณะส่วนมากจะสร้างในเขตรอบนอกซึ่งมีความจำเป็นน้อย  ไม่มีการวางแผนสร้างสวนสาธารณะใจกลางเมือง  ดังนั้นการกล่าวอ้างว่าผังเมืองจะทำให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองสีเขียว (Green City) จึงไม่จริง

7. ร่างผังเมืองนี้พยายามเสนอข้อดีบางประการ ซึ่งไม่เป็นจริง เช่น

7.1 จะเพิ่มการควบคุมกิจกรรมที่ขัดต่อสุขลักษณะ 5 กิจกรรม เช่น สนามแข่งม้า สนามแข่งรถ และสนามยิงปืนนั้น ในความเป็นจริงไม่ได้มีผลในทางปฏิบัติอยู่แล้ว เพราะแทบไม่มีการขออนุญาต

7.2 การแจก "แจกโบนัส 5-20%" คือให้สร้างเพิ่มเติมกว่ากฎหมายปกติกำหนด ในรัศมี 500 เมตรรอบสถานีรถไฟฟ้านั้น ก็ใช้ได้เฉพาะสถานีที่สร้างเสร็จแล้ว ไม่ใช่ที่กำลังก่อสร้างอยู่ ดังนั้นจึงไม่มีผลอะไร

7.3 การพัฒนาศูนย์เมืองย่อย เช่น ในย่านมีนบุรีที่แนวรถไฟฟ้าสายสีชมพู-สีส้มมาบรรจบกัน ย่านพระรามที่ 2 ใกล้กับถนนกาญจนาภิเษก และย่านรามอินทราใกล้จุดตัดถนนรัชดา-รามอินทรา  เป็นต้น  หากร่างผังเมืองนี้ได้ประกาศใช้ในปีนี้และหมดอายุในปี 2560 ก็ยังไม่แน่ว่ารถไฟฟ้าทั้งสองสายจะได้สร้างเสร็จ

โดยสรุปแล้ว อาจกล่าวได้ว่าร่างผังเมืองนี้ เป็นการแก้ปัญหาเมืองแบบซุกปัญหาไว้ใต้พรม เพราะแทนที่จะจัดระเบียบการใช้ที่ดินที่ดี กลับปัดปัญหาออกไปนอกเมือง  นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ประชากรของกรุงเทพมหานครลดลงในระยะหลายปีที่ผ่านมา เพราะประชาชนไม่สามารถอยู่อาศัยในกรุงเทพมหานครได้ เพราะความพยายามทำเมืองให้หลวม  กรุงเทพมหานครควรคิดใหม่ ทำเมืองให้หนาแน่น (High Density) แต่ไม่แออัด (Overcrowded) แต่ปัจจุบันกลับทำในทางตรงกันข้าม

ประเด็นหนึ่งที่กรุงเทพมหานครเองไม่สามารถจะแก้ปัญหาของเมืองและวางแผนการพัฒนาเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ เพราะขณะนี้ความเป็นเมืองของกรุงเทพมหานครได้ขยายออกนอกเขตบริหารของกรุงเทพมหานครแล้ว  ยิ่งกว่านั้นกรุงเทพมหานครยังขาดการประสานแผนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงทำให้ผังเมืองกับการขยายตัวของสถานศึกษา พื้นที่ปกครอง กิจการไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ถนน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่ราคาประเมินของทางราชการ ก็ไม่ได้ยึดโยงกับผังเมือง

ดังนั้นกระทรวงมหาดไทยในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบการวางผังเมืองจึงควรดำเนินการวางแผนภาคมหานคร ซึ่งรวมพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  และให้หน่วยงานต่างๆ ร่วมกันวางผังนี้ให้เป็นแผนแม่บทในด้านการปกครอง สาธารณูปโภคและอื่นๆ  ในระหว่างนี้ให้ประกาศใช้ผังเมืองฉบับเดิมไปก่อน และให้มีกรอบเวลาการทำผังภาคมหานครให้แล้วเสร็จใน 2 ปี  สำหรับสาระสำคัญดังนี้:

1. ในพื้นที่เขตธุรกิจชั้นในของกรุงเทพมหานคร ควรอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่และสูงพิเศษ แต่ให้เว้นพื้นที่ว่างให้มากเพื่อให้เกิดพื้นที่สีเขียวใจกลางเมือง  แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ให้สิทธิพิเศษ เพราะกรุงเทพมหานครควรจัดเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษสำหรับการก่อสร้างอาคารได้สูงหรือใหญ่พิเศษ เพื่อนำเงินไปเข้ากองทุนพัฒนาระบบคมนาคม เช่น รถไฟฟ้ามวลเบา ผ่านเข้าสู่ถนนสายต่างๆ เพื่อการระบายการจราจร

2. ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ประสาน

2.1 กับกิจการไฟฟ้า ประปา ทางหลวง รถไฟฟ้า ช่วยกันน่างผังเมืองนี้เป็นแผนแม่บทของหน่วยงานของตน  ส่วนในพื้นที่อนุรักษ์ชนบทจะห้ามก่อสร้างถนนหรือขยายไฟฟ้า ประปาไปบริเวณดังกล่าว

2.2 กับการเคหะแห่งชาติและหน่วยงานอื่นโดยควรใช้วิธีจัดรูปหรือเวนคืนที่ดินชานเมือง เช่น เขตหนองจอก ราว 10,000 – 20,000 ไร่ สร้างเมืองใหม่แบบปิดล้อมแต่มีระบบขนส่งมวลชนเข้าสู่ใจกลางเมืองโดยตรง แล้วจัดสรรที่ดินที่มีสาธารณูปโภคครบ (serviced land) เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย ศูนย์ธุรกิจ เป็นต้น

2.3 กับกรมธนารักษ์เพื่อนำที่ดินใจกลางเมืองมาพัฒนาเป็นศูนย์ธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจมีการรวมศูนย์ สาธารณูปโภคไม่ต้องขยายตัวอย่างไร้ขอบเขต เป็นการเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจด้วยกันเองในพื้นที่

2.4 กับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อจัดสร้างนิคมให้โรงงานได้ใช้ในราคาถูกเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม และเพื่อห้ามการก่อสร้างโรงงานตามท้องนาหรือย่านชานเมืองเช่นที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและขอขอบพระคุณท่านมา ณ โอกาสนี้

ขอแสดงความนับถือ

ดร.โสภณ พรโชคชัย

โทร.0.2295.3905 หรือ อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน

 

ผมได้รับ e-mail จาก ดร.โสภณ พรโชคชัย ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน 2556 แต่เนื่องจากติดภาระกิจจึงยังไม่มีเวลาศึกษา เมื่อมาอ่านดู ก็เห็นว่าเป็นเรื่องของส่วนร่วม และเป็นจดหมายเปิดผนึกถึงผู้เกี่ยวข้อง จึงนำมาเผยแพร่เพื่อให้คนที่รู้จริงและคนที่ไม่รู้อย่างผมได้รับทราบไว้เป็นความรู้ในเบื้องต้น ส่วนเหตุผลฝ่านไหนจะถูกต้อง คงต้องติดตามดูครับ

 

 

การปกป้องพระมหากษัตริย์ เป็นหน้าที่ของคนไทย

พิมพ์ PDF

บทความนี้.. นำมาให้อ่านเพ่ือการเรียนรุ้ ปลุกจิตสำนึกของ
คนไทยทุกคน...ห้้ามแสดงความคิดเห็นที่ไม่เหมาะสม ....

การปกป้องพระมหากษัตริย์ เป็นหน้าที่ของคนไทย
โดย พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร

ผมขอเว้นรายงานการหนีน้ำอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเรียนให้ท่านผู้อ่านทราบเหตุการณ์ที่ผมเห็นสำคัญอย่างยิ่ง ที่เพิ่งเกิดขึ้นและผ่านไปเมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ที่แล้วนี้เอง

เหตุการณ์ที่ว่านี้คือ การชุมนุมฟังการเสวนาเรื่อง “ธรรมดีที่พ่อทำ : เราจะช่วยกันปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ได้อย่างไร ?” ที่หอประชุมพุทธคยา ของบริษัท ไดเร็คมีเดียกรู๊ป (Direct Media Group) ของ คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย ซึ่งตั้งอยู่บนชั้นที่ ๒๒ ของอาคารอมรินทร์พลาซา ที่ถนนเพลินจิต ในกรุงเทพมหานคร นอกจากผมแล้ว ท่านผู้อื่นซึ่งได้รับเชิญให้ไปร่วมเสวนาครั้งนี้ด้วยก็ได้แก่ คุณประมวล รุจนะเสรี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล นักวิชาการสื่อสารมวลชนผู้เป็นที่รู้จักกันดี พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคุณดนัยเอง

ที่ผมบอกว่าเป็นเหตุการณ์ที่ผมเห็นว่าสำคัญอย่างยิ่ง ก็เพราะว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ อันเป็นสถาบันที่เรามหาชนคนไทยเทิดทูนเคารพและสักการะมาแต่โบราณกาล

ผมใช้คำว่า “มหาชนคนไทย” โดยเจตนาให้หมายถึงคนไทยส่วนใหญ่ และเพราะข้อเท็จจริงปรากฏว่ามีคนไทยส่วนน้อยไม่ปรากฏจำนวน ที่มีพฤติการณ์แสดงชัดว่า นอกจากจะไม่เทิดทูนเคารพสักการะพระมหากษัตริย์แล้ว ยังลบหลู่ จาบจ้วง ให้ร้าย และดูหมิ่นอย่างต่ำช้า เช่น ขานพระนามด้วยผรุสวาทหรือคำหยาบคาย หรือเขียนภาพลามกทับพระบรมฉายาลักษณ์และพระฉายาลักษณ์ เป็นต้น

น่าสังเกตว่าพฤติการณ์ของคนไทยส่วนน้อยที่ว่านี้ เริ่มขึ้นหลังจากที่มีรัฐประหารในเดือนกันยายนปี ๒๕๔๙ แล้วก็ดำเนินเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และน่าสังเกตด้วยว่า นอกจากการดูหมิ่น ลบหลู่ จาบจ้วง ล่วงเกินพระมหากษัตริย์ จะกระทำโดยผู้ไม่เปิดเผยนาม โดยผ่านทาง “สื่อสังคม” เช่น Facebook, YouTube และ Twitter แล้ว

ยังมีบุคคลผู้เป็นที่รู้จักในสังคมและวงการเมือง ที่แสดงพฤติการณ์ดูหมิ่นและใส่ความพระมหากษัตริย์อย่างเปิดเผยด้วย

พฤติการณ์กล่าวร้าย ดูหมิ่น และลบหลู่พระมหากษัตริย์นี้ ดำเนินมาโดยไม่หยุดยั้ง และแม้ทางราชการจะพยายามระงับทั้งโดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ และด้วยการสืบสวนจับกุมเอาตัวผู้กระทำผิดมาฟ้องร้องให้ศาลลงโทษ แต่ก็ไม่ปรากฏเป็นข่าวนัก เพราะสื่อไม่กล้ารายงานข่าว คงเป็นเพราะกลัวจะเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นไปด้วย

อาจเป็นด้วยเหตุนี้ มหาชนคนไทยจึงเงียบ ไม่มีปฏิกิริยา จะมีอยู่บ้างก็เป็นส่วนน้อยที่ตอบโต้ด้วยแสดงผรุสวาทออกมากทางสื่อสังคมเช่นเดียวกัน

และยังมีด้วยที่บางคนแสดงความเห็นเชิงสันติหรืออริยะ ว่าไม่ควรตอบโต้ แต่ควรปล่อยให้คนชั่วรับกรรมของตนเองในที่สุด

ผมเชื่อเรื่องกรรม และเชื่อว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นธรรมิกราช ทรงทั้งศีลและทั้งธรรมอย่างต่อเนื่องไม่เคยหยุดยั้ง ผมเชื่อว่าธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม และในฐานะที่เคยรับใช้พระยุคลบาทอย่างใกล้ชิดมานานในตำแหน่งนายตำรวจราชสำนักประจำ ผมจึงเชื่อด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงหวั่นไหวหรือวิตกกังวลที่ผู้ใดจะให้ร้าย หรือลบหลู่พระยุคลบาท แต่ทรงมั่นอยู่ในอุเบกขาธรรม

แต่ในฐานะที่ผมเป็นคนไทยคนหนึ่ง ที่รู้ว่าเมืองไทยอันเป็นที่เกิดและที่ตายของปู่ย่าตายายของผมหลายชั่วโคตร เป็นไทยอยู่ได้ ก็ด้วยพระบรมเดชานุภาพและพระบารมีของพระมหากษัตริย์ พระราชวงศ์ และพระองค์ต่างๆ หลายครั้งหลายหนในประวัติศาสตร์ที่เมืองไทยเกือบเสียเอกราชและตกเป็นเมืองขึ้นของต่างชาติ แต่ก็พ้นจากเงื้อมมือของต่างชาติ และดำรงอิสรภาพและเอกราชมาได้ถึงปัจจุบันด้วยพระปรีชาญาณของพระมหากษัตริย์

โดยเฉพาะพระมหากษัตริย์ในรัชกาลปัจจุบัน คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นับตั้งแต่เสด็จขึ้นครองราชย์มาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา ๖๕ ปี มีแต่ทรงอุทิศพระวรกายและพระราชหฤทัยให้แก่คนไทย และเมืองไทยอย่างไม่มีเงื่อนไข

ทรงพระราชอุตสาหะบากบั่นคิดค้นหาแต่วิธีที่จะให้ประชาชนไทยอยู่ดีกินดี ทรง “ครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” จริงๆ ตามปฐมบรมราชโองการที่พระราชทานไว้ ทรงงานหนักและไม่ทรงพักผ่อน จนกระทั่งในขณะนี้พระอนามัยเสื่อมโทรมลงและทรงพระประชวร

เพราะรู้อย่างนี้ ผมจึงไม่สามารถจะวางเฉย ปล่อยให้คนชั่วคนพาลที่เนรคุณอกตัญญูต่อบ้านเมือง รังแกพระยุคลบาทได้ ผมจึงรับเชิญด้วยความเต็มใจ ไปร่วมเสวนากับคุณดนัย และท่านผู้อื่นทั้งสี่ท่านเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านไป ผมไปเพื่อร่วมชี้แจงให้ท่านผู้ฟังการเสวนาทราบ และเข้าใจปัญหา เข้าใจในอันตรายที่กำลังเกิดแก่พระมหากษัตริย์ ซึ่งหมายถึงประเทศไทย

และเพื่อเชิญชวนให้ท่านผู้ฟังร่วมแรงร่วมใจกันปกป้องพระมหากษัตริย์จากการถูกทำลาย

วิธีป้องกันที่ผมเห็นว่าสมควรทำนั้น คือต่อสู้ความเท็จด้วยความจริง ด้วยการเผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ต่อเนื่องและกว้างขวางออกไปโดยไม่หยุดยั้ง บางท่านอาจจะคิดว่าตนมีความสามารถจำกัด เพราะพ้นราชการมาแล้ว หรือเพราะประกอบอาชีพในองค์กรหรือธุรกิจขนาดเล็ก ไม่มีเพื่อนร่วมงานมาก

หากนึกเช่นนี้ผมก็เห็นว่าท่านเข้าใจผิด เพราะทุกคนมีเวทีของตนเอง มีอิทธิพลมีอำนาจในแวดวงของตนเอง เป็นต้นว่าญาติพี่น้อง มิตรสหาย และครอบครัว และแม้แต่คนรับใช้ในบ้าน คนเหล่านั้นควรจะได้รับรู้ด้วยกันทั้งนั้น ในพระราชภารกิจอันหนักหนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงทำเพื่อคนไทยมาตลอดพระชนม์ชีพ

ในขณะเดียวกัน ผมก็เห็นว่าถึงเวลาแล้ว ที่เราจะต้องรวมแรงกายแรงใจยับยั้งหรือสกัดกั้นในทุกวิถีทาง มิให้คนพาลคนชั่วคนเนรคุณอกตัญญู แพร่ขยายพฤติการณ์โสมมของมันให้กว้างขวางออกไปได้ ด้วยการปฏิเสธไม่ยอมส่งต่อข้อความข่าวสารอันเป็นเท็จของมันต่อไปอีก แม้จะกระทำเพื่อประณามหรือตอบโต้ก็ตาม

หากพบเว็บไซต์ใดที่เผยแพร่ข้อความลบหลู่ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ก็ควรจะรายงานเจ้าหน้าที่ทราบ โดยโทรศัพท์ไปที่ ๐-๒๖๔๒-๗๐๓๓ ซึ่งเป็นหมายเลขของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ศูนย์เทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์แห่งชาติ และมูลนิธิอินเตอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย

หรือถ้ารู้ตัวผู้กระทำผิด ก็ควรจะแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบเพื่อจับกุมทันที

ขอเรียนว่า พฤติการณ์ของคนพาลคนชั่วเนรคุณ อกตัญญูพวกนี้ อุปมาเหมือนบาดแผลที่อาจจะแลดูเล็กน้อย แต่แท้จริงเป็นเนื้อร้ายหรือมะเร็งที่ไม่อาจบำบัดได้เพียงแต่ด้วยการล้างหรือชำระแผลแล้วใส่ยาฆ่าเชื้อ แต่จะต้องรักษาให้ถูกวิธี แม้จะต้องทำด้วยการผ่าตัดเอาเนื้อร้ายนั้นออก หรือสกัดไว้มิให้ลุกลามออกไป

ช่วยกันป้องกันเมืองไทยเถอะครับ อย่าให้เชื้อโรคเนรคุณอกตัญญูมันลุกลามออกไปมากกว่านี้

 

วิ่งออกกำลังกาย

พิมพ์ PDF

คืนวันที่ ๒๔ มี.ค. ๕๖ ผมนอนค้างคืนที่ห้องพักรับรอง บี ๒๐๑  อาคารประสานใจ ๑  ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  โดยการร้องขอ  ไม่ไปนอนโรงแรมตามที่ท่านรองอธิการบดี รศ. ดร. จุฑามาศ ศตสุข เตรียมจัดให้  เพราะต้องการไปวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าเพื่อรำลึกถึงบรรยากาศเก่าๆ สมัยทำงานที่ มอ. หาดใหญ่  ที่ผมเริ่มวิ่งออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกเช้ามืด ตั้งแต่อายุ ๔๐ ปี

เช้าวันที่ ๒๕ ผมตื่นโดยเสียงปลุกของนกกางเขนบ้าน  มาร้องเจื้อยแจ้วอยู่ข้างห้องนอน  เป็นบรรยากาศที่สดชื่นด้วยธรรมชาติที่ผมชอบ  ไปนอนโรงแรมในเมืองไม่มีธรรมชาติน่าชื่นชมเช่นนี้

ระหว่างนั่งพิมพ์บันทึกนี้ ก็ได้ยินเสียงนกปรอดหน้าขาวร้องโต้ตอบกัน สลับกับเสียงนกกางเขนบ้าน  และนกเขาเล็ก   ให้ความสดชื่นยิ่งนัก

เวลา ๖.๐๐ น. ฟ้าสาง ผมออกไปวิ่ง ไปทางถนนรอบอ่างน้ำ  และเข้าไปในหมู่บ้านเก่า ไปดูบ้าน ๓/๓ และ ๓/๔ ที่ผมเคยอยู่  พบว่าบ้านพักรุ่นแรกที่เป็นบ้านพักชั้นเดียวทรุดโทรมมาก  บางหลังถูกทิ้งร้าง บางหลังกำลังซ่อมแซมใหญ่

บ้านพักกลุ่ม ๓/ ถือเป็นบ้านที่ดีที่สุด มีอยู่ ๑๐ หลัง  สมัยที่ผมไปอยู่ใหม่ๆ ปี ๒๕๑๗ เขาหวงมาก  เรียกว่าบ้านพักศาสตราจารย์  แต่เขาก็จัดสรรให้ผมซึ่งตอนนั้นเป็นแค่ ผศ. และอายุแค่ ๓๒ เข้าพักที่บ้าน ๓/๓ ซึ่งทำเลที่ที่สุดหลังหนึ่ง  เพราะด้านหนึ่งติดป่า อีกด้านหนึ่งติดกับบ้าน ๓/๔ ซึ่งสมัยนั้น ศ. ดร. ประดิษฐ์ เชยจิตร์ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ พักอยู่  และต่อมา ผศ. นพ. ไสว ลิมปิเสฐียร กับพี่พิมล มาพักอยู่นานหลายปี แล้วย้ายออกไป  เพราะท่านย้ายกลับไปอยู่กระทรวงสาธารณสุข และได้ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ไหนจำไม่ได้  จำได้ว่า ตำแหน่งสุดท้ายคือ ผอ. รพศ. ราชบุรี  เมื่อท่านย้ายออกไป เขาก็ปรับปรุงบ้าน ๓/๔ แล้วให้ผมย้ายไปอยู่ เพื่อปรับปรุงบ้าน ๓/๓ ซึ่งโดนปลวกกินอย่างรุนแรง  ในช่วงเวลา ๒๐ ปี ที่ครอบครัวผมทำงานที่ มอ. หาดใหญ่ เราจึงพักอยู่ที่บ้าน ๒ หลังนี้

ทั้งบ้าน ๓/๓ และ ๓/๔ ยังอยู่ดี  แต่บ้าน ๓/๖ กำลังซ่อมใหญ่  บ้านหลังนี้สมัยโน้น ศ. นพ. อาทร์ อาทรธุระสุข พักอยู่  ท่านเป็นหัวหน้าภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โทปิดิกส์  ท่านเป็นโสด และจบแพทย์ศิริราชก่อนผม ๑๒ รุ่น   ท่านเป็นคนหนึ่งที่วิ่งออกกำลังกายเป็นประจำ  บางวันออกวิ่งดึกๆ ก็มี  สมัยนั้นผมเห็นเป็นของแปลก  แต่มารู้ตอนนี้ว่าท่านทันสมัยมาก ท่านรู้ว่าการวิ่งออกกำลังแบบ แอโรบิก ทำให้ร่างกายแข็งแรง  ท่านเพิ่งเสียชีวิตเมื่อไม่กี่เดือนมานี้

บ้าน ๓/๕ สมัยโน้นผู้พักอาศัยคือ รศ. นพ. จงดี - ศ. พญ. วิมล สุขถมยา และลูกสาว ๒ คน  อ. หมอจงดีเป็นหัวหน้าภาควิชารังสีวิทยา และเคยเป็นรองคณบดี  ท่านจบแพทย์จากศิริราชก่อนผม ๖ รุ่น  ในปลายปี ๒๕๒๔ เมื่อตำแหน่งคณบดีคณะแพทยศาสตร์ว่าง ท่านไม่ยอมเป็นคณบดี  ผมจึงได้รับตำแหน่ง  สมัยโน้นคณะเพิ่งตั้งใหม่ๆ และคณบดีไม่ได้มาอยู่ประจำอย่างสมัยนี้  คนที่มาอยู่ประจำเป็นมือรองๆ จึงมีเรื่องระหองระแหงกันมาก  ผมเป็นคนรุ่นอายุน้อย แต่รับผิดชอบเท่าคนอื่น  คงจะมีคนหมั่นไส้ไม่น้อย  ต่อมา อ. หมอจงดี และวิมลย้ายกับไปอยู่เชียงใหม่อย่างเดิม  ท่านวางแผนซื้อไม้อย่างดีไว้สร้างบ้านที่เชียงใหม่

บ้าน ๓/๗ ผศ. นพ. ดิลก - ผศ. พญ. นพรัตน์ (ตู้จินดา) เปรมัษเฐียร กับลูกสาว (ผศ. พญ. นลินี เปรมัษเฐียร เป็นอาจารย์ที่ศิริราช) และลูกชาย นล เปรมัษเฐียร พักอยู่   ทั้ง ๒ ท่านย้ายมาจากคณะแพทยศาสตร์ มช.  พี่ดิลกเป็นอีกคนหนึ่งที่วิ่งออกกำลังกายเป็นประจำ   และชอบขี่รถมอเตอร์ไซคล์  ท่านเป็นหัวหน้าภาควิชาศัลยศาสตร์  และต่อมาย้ายไปทำงาน รพ. เอกชนที่กรุงเทพ

ผมระลึกชาติกลับไปเกือบ ๔๐ ปี  หวนกลับมาตอนนี้ สภาพลำธารที่หน้าฝนมีน้ำไหลมาจากเขาคอหงษ์ มาลงอ่างเก็บน้ำ ยังอยู่ในสภาพเดิม  เวลานี้เป็นหน้าแล้งอ่างเก็บน้ำ และลำธารแห้งขอดเหมือนสมัยก่อน  ผมวิ่งวนหมู่บ้านเก่า ๑ รอบ  พบคนรู้จัก ๒ คน  แล้ววนมาที่ถนนรอบอ่างน้ำทางทิศตะวันออก  ไปพบบริเวณอนุรักษ์ป่าอยู่บริเวณทิศตะวันออกของอ่างน้ำ  ผมชอบมากที่มีการอนุรักษ์พื้นที่ตรงนั้นไว้  วิ่งไปหน้าหมู่บ้านพักแพทย์ ซึ่งถือว่าเพิ่งสร้างใหม่ ประมาณปี ๒๕๒๓  แต่ไม่ได้วิ่งเข้าไปในหมู่บ้าน  วิ่งออกลู่วิ่งรอบอ่างน้ำด้านทิศใต้  มีคนจากหาดใหญ่มาทัก ว่าผมแก่ขนาดนี้แล้วยังวิ่งได้  และถามว่าทำไมไม่เห็นนานแล้ว

ผมวิ่งไปหยุดถ่ายรูปไป  รวมแล้วใช้เวลา ๑ ชั่วโมง เหงื่อโชกทีเดียว  ไม่ได้วิ่งจนเหงื่อโชกเช่นนี้นานแล้ว  ทำให้คิดถึงสมัยอยู่หาดใหญ่ ผมวิ่ง ๔๐ นาที ด้วยความเร็วมากกว่าที่วิ่งสมัยนี้  วิ่งเสร็จเหงื่อโทรมตัว และรู้สึกตัวตึงๆ ตลอดวัน

ตอนวิ่งผ่านด้านหลังคณะวิทยาศาสตร์  และตอนไปวิ่งในหมู่บ้านเก่า ผมได้กลิ่นดอกไม้หอม  สดชื่นยิ่งนัก  ตอนเช้ามืดที่ มอ. หาดใหญ่มีคนมาเดิน/วิ่ง มากกว่าสมัยผมอยู่หลายเท่าตัว  ทั้งคนแก่และหนุ่มสาว  สมัยผมอยู่ที่นี่คนวิ่ง/เดิน ตอนเช้ามีน้อย  แต่ตอนเย็นก็มีความมากพอๆ กับตอนเช้าที่ผมเห็นวันนี้  สมัยโน้นลู่วิ่งไม่ดีอย่างสมัยนี้  ตอนนี้มีลู่วิ่งอย่างดีรอบอ่าง  แยกจากถนนสำหรับรถ   สภาพทั้งหมดนี้ บอกผมว่า สังคมที่นี่ผู้คนสนใจออกกำลังกายมากกว่าสมัยก่อน  น่าดีใจ  เพราะเป็นวิธีสร้างเสริมสุขภาพที่ง่ายและได้ผลดีที่สุด  หากทำจนเป็นนิสัย ก็จะมีคุณต่อชีวิตเป็นอย่างยิ่ง


วิจารณ์ พานิช

๒๕ มี.ค. ๕๖

ห้องพักรับรอง บี ๒๐๑  อาคารประสานใจ  คณะแพทยศาสตร์  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์





บริเวณอ่างน้ำ

คัดลอกจาก http://www.gotoknow.org/posts/536863

 


หน้า 482 จาก 558
Home

About Us

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (ศบม.) เป็นองค์กรที่พัฒนาและจัดทำโครงการเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม เป็นองค์กรสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการภาคธุรกิจบริการที่ขาดแคลนบุคลากรที่มีมาตรฐานในการให้บริการ
อ่านเพิ่มเติม

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5609
Content : 3052
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8629123

facebook

Twitter


บทความเก่า