Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Thaiihdc.org

สัมมนาระดมความคิดฟรี

พิมพ์ PDF

ร่างกำหนดการสัมมนาระดมความคิดเห็น

เรื่องการพัฒนาขีดความสามารถในการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวและกีฬา

เพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)”

วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน 2555 ศูนย์วิจัยจุฬาภรณ์ กรุงเทพมหานคร

 

8.30 – 9.00 . ลงทะเบียน

9.00 – 9.20 . พิธีเปิดการสัมมนา

ประธานเปิดการสัมมนา

นายสุวัตร สิทธิหล่อ

ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

กล่าวรายงานโดย

รศ.ดร.ช่วงโชติ พันธุเวช

อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา

9.20 – 10.00 . นำเสนอประเด็น เรื่องการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ส่งผลต่อภาคการท่องเที่ยวและกีฬาอย่างไร ?”

โดย .ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ

10.00 – 10.15 . พักรับประทานอาหารว่างและเครื่องดื่ม

10.15 – 12.00 . การอภิปรายร่วมเรื่องการพัฒนาขีดความสามารถในการบริหาร จัดการด้านการท่องเที่ยวและกีฬาเพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)”

ทิศทางการท่องเที่ยวและกีฬาไทยกับการเตรียมความพร้อมเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)”

โดย ตัวแทนจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ศักยภาพทุนมนุษย์ไทยด้านการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

โดย .ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ

วิเคราะห์ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวไทย มาตรฐานการเชื่อมโยงสู่การเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

โดย นายภราเดช พยัฆวิเชียร

ที่ปรึกษาระดับ 11 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และประธานสถาบันการท่องเที่ยวโดยชุมชน

โดย ผู้บริหาร บริษัท สยามนิรมิต จำกัด

วิเคราะห์ศักยภาพด้านการกีฬาไทย มาตรฐานการเชื่อมโยงสู่การเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

โดย นายกนกพันธ์  จุลเกษม

ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย

นายสาธิต กรีกุล หรือ นายเอกราช เก่งทุกทาง

ร่วมดำเนินการอภิปรายโดย คุณสุภวัส วรมาลี

12.00 – 13.00 . พักรับประทานอาหารกลางวัน

13.00 – 15.00 . สัมมนาระดมความคิดเห็นกลุ่มย่อยเรื่องการพัฒนาขีดความสามารถไทยในการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวและกีฬาเพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)”

กลุ่มที่ 1 การพัฒนาขีดความสามารถไทยในการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวเพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)(ต่อยอดประเด็นองค์ความรู้โดย วิทยากรจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และผู้เชี่ยวชาญจากภาคการท่องเที่ยว)

- สถานการณ์ปัจจุบันของการท่องเที่ยวไทยเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียน

- โอกาส และความเสี่ยง เมื่อเปิด AEC

- จุดแข็ง จุดอ่อนของการท่องเที่ยวเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียน

- มาตรฐานที่ควรจะเป็นของการท่องเที่ยวเมื่อเปิด AEC

- แนวทางการพัฒนาเพื่อเตรียมความพร้อม ความร่วมมือ และแนวทางใหม่ ในด้านต่าง

ดำเนินการสัมมนากลุ่มย่อยโดย

..ชาญโชติ ชมพูนุท

กลุ่มที่ 2 การพัฒนาขีดความสามารถไทยในการบริหารจัดการด้านการกีฬาเพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) (ต่อยอดประเด็นองค์ความรู้โดย วิทยากรจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และผู้เชี่ยวชาญจากภาคการกีฬา)

- สถานการณ์ปัจจุบันของการกีฬาไทยเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียน

- โอกาส และความเสี่ยง เมื่อเปิด AEC

- จุดแข็ง จุดอ่อนของการกีฬาไทยเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียน

- มาตรฐานที่ควรจะเป็นของการกีฬาเมื่อเปิด AEC

- แนวทางการพัฒนาเพื่อเตรียมความพร้อม ความร่วมมือ และแนวทางใหม่ ในด้านต่าง

ดำเนินการสัมมนากลุ่มย่อยโดย

นายธงชัย วัฒนศักดากุล

ผู้สนใจเข้าร่วมสัมมนาฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น โปรด เขียน ชื่อ นามสกุล หน่วยงาน / องค์กร / บริษัท ตำแหน่งงาน ที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้ เบอร์โทรศัพท์ โทรสาร และ e-mail address ลงในกระดาษและส่งมาที่ โทรสารหมายเลข 02-273-0181 หรือ ส่ง e-mail มาที่ E-mail Address : อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน , อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน , อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0-2619-0512-3 คุณจงกลกร 0812072255  คุณภัทรพร 0818901801

 

บทความของ วสิษฐ เดชกุญชร

พิมพ์ PDF

หนังสือควรอ่านและควรแจก โดย วสิษฐ เดชกุญชร

เมื่อต้นเดือนนี้เอง ผมโทรศัพท์ไปเยี่ยมน้องสาวผมซึ่งอยู่ที่เชียงราย ทราบว่าขณะนั้นเธอ กำลังทำบุญถวายผ้าป่าอยู่ที่วัด เธอบอกด้วยว่า พระภิกษุรูปหนึ่งที่รับผ้าป่านั้น คือท่านอาจารย์ พระมหา วุฒิชัย วชิรเมธี หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ .วชิรเมธี พอได้ยินดังนั้นผมก็รีบบอก น้องว่าขอทำบุญด้วย เพราะผมรู้จักรักและเคารพท่านอาจารย์อยู่แล้ว

หลังจากนั้น - วัน น้องเดินทางมาพบผมที่กรุงเทพ นำหนังสือมาด้วยเล่มหนึ่ง บอก ว่าท่านอาจารย์พระมหาวุฒิชัยฝากมาให้ผม ผมรับหนังสือมาดูเห็นว่าเป็นหนังสือชื่อ กิเลส MANAGEMENT” ปกแข็งสีแดงเล่มไม่บาง (นับดูภายหลังได้ประมาณ ๓๐๐ หน้า) หุ้มปกด้วย กระดาษมัน พิมพ์สีเป็นภาพเขียนรูปท่อนบนของเด็กหญิงในเครื่องแบบนักเรียน นั่งหลับตาอยู่ใต้ กระท่อมหรือกุฏิ มีกรงเล็บของสัตว์ชนิดไหนก็ไม่รู้กำลังเอื้อมเข้าหาเด็กหญิงผู้นั้น ฝีมือเขียนรูปดู ก็รู้ว่าเป็นของชั้นศิลปินชั้นครู อ่านจากปกจึงรู้ว่าผู้เขียนคือ .วชิรเมธีและผู้เขียนภาพคือ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป (จิตรกรรม)

พอเอากลับมาบ้านและพลิกดูก็แล้ววางไม่ลง เพราะนอกจากจะพิมพ์ด้วยกระดาษมันและ หนาอย่างดี (อย่างที่เคยเรียกว่ากระดาษอาร์ต) แล้ว ในเล่มยังมีภาพเขียนสีฝีมือ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ แทรกอยู่ตลอดทั้งเล่มนับได้ ๓๘ ภาพ ส่วนเนื้อเรื่องนั้น ท่านอาจารย์มหาวุฒิชัย แบ่งออกเป็น บท และ ภาค คือบทนำซึ่งอธิบายความหมายของคำว่า กิเลสและเหตุผลที่ ต้อง manage หรือบริหารมัน ภาค ว่าด้วยการจัดการความโลก ภาค ว่าด้วยการจัดการ ความโกรธ ภาค ว่าด้วยการจัดการตัณหา มานะ และทิฎฐิ ภาค ว่าด้วยริษยา : หนามตำใจ จบลงด้วยบทส่งท้ายว่าด้วยการจัดการกิเลสตามแบบแผน คืออริยมรรคมีองค์

ใครที่เคยอ่านข้อเขียนของท่านอาจารย์พระมหาวุฒิชัยหรือ .วชิรเมธี หรือเคยฟังท่านพูด หรือแสดงธรรมมาแล้ว ย่อมทราบดีด้วยกันทุกคนว่า จะเขียนหรือพูดก็ตาม ท่านอาจารย์พระมหา วุฒิชัยท่านเก่งตรงที่ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย หรือถ้าจะพูดอย่างสมัยใหม่ก็ต้องว่า โดนใจผู้อ่านหรือผู้ ฟัง ในหนังสือ กิเลส MANAGEMENT” นี้ก็เช่นเดียวกัน ตั้งแต่บทต้นภาคต้นจนถึงภาคสุดท้าย บทสุดท้าย ท่านอาจารย์ผู้เขียนเขียนด้วยภาษาที่กระทัดรัดและอ่านเข้าใจง่ายเช่นเคย

เนื้อที่หน้ากระดาษนี้ไม่พอ จึงจะขอย่อยและยกเพียงบางตอนมาให้อ่านกัน

ในบทนำตอนที่ว่าทำไมต้องบริหารกิเลสนั้น ท่านอาจารย์ผู้เขียนอธิบายว่า สภาพจิตเดิม ของคนเรานั้นบริสุทธิ์ ผ่องใส แต่เศร้าหมองไปเพราะกิเลสที่จรมา (อาคันตุกะกิเลส) สถานภาพ ของกิเลสจึงเป็นเพียง แขกที่สัญจรมาชั่วครู่ชั่วคราว แต่ถ้าเรารู้ไม่เท่าทัน แขกแปลกหน้าที่เคย เป็นอาคันตุกะนี้อาจจะอยู่กับเราถาวรก็เป็นได้ ท่านบอกด้วยว่า กิเลสเหมือนไฟ ถ้ารู้จักใช้อย่าง มีปัญญา ก็เป็นประโยชน์ในการหุงหาอาหาร แต่ถ้าเราปล่อยปละละเลย ไฟที่เคยใช้หุงอาหารอันมี ประโยชน์นั่นแหละก็อาจลุกพรึบขึ้นไหม้บ้านไหม้เรือนได้

และแม้เราจะไม่สามารถจะตัดกิเลสได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้หมือนพระอริยบุคคล แต่เราก็ ไม่ควรจะมีชีวิตอยู่อย่างคนที่ยอมตกเป็นทาสของกิเลสจนเต็มเวลา ในแต่ละวันของเรานั้น ควรจะมี บางช่วงบางเวลา บางชั่วโมง บางนาทีหรือบางขณะจิต ที่เราเป็นฝ่ายประกาศอิสรภาพ ลุกขึ้นมา ปราบดาภิเษกเป็นนายเหนือกิเลสบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้กิเลสครอบงำเราชั่วนาตาปี

ในภาคอื่น ที่ตามมานั้น ท่านอาจารย์พระมหาวุฒิชัยท่านแยกแยะ และจัดการบริหาร กิเลสเอาไว้เป็นส่วน ผู้อ่านสามารถที่จะค้นหรือหยิบขึ้นมาประยุกต์กับสถานการณ์จริง ได้โดยง่าย

บทที่ผมอยากจะให้อ่านกันเร็ว มาก และบ่อย โดยเฉพาะผู้รับผิดชอบในการบริหาร งานบ้านเมืองและนักธุรกิจอภิมหานายทุนนั้น คือภาค การจัดการความหลง โดยเฉพาะในหน้า ๑๕๕ ที่ว่าด้วยหลงเงินจนเงินกลายเป็นพระเจ้า และหน้า ๑๖๙ ที่ว่าด้วยหลงอำนาจจนต้องบูชา อำนาจ ในส่วนที่เกี่ยวกับการหลงเงินนั้น ท่านอาจารย์ผู้เขียนได้ยกเอาชีวิตจริงของ บิล เกตส์ และ วอร์เรน บัฟเฟตต์ มาเป็นอุทาหรณ์ให้เห็นความไม่หลงเงินของมหาเศรษฐีทั้งสองคน ที่แม้จะ รวยแล้วอย่างมหาศาลเป็นอันดับที่ และที่ ของโลก แต่ลงท้ายก็ใช้เงินจำนวนมหาศาลของตน ก่อตั้งโครงการเพื่อมนุษยธรรมขึ้นหลายโครงการ ทั้งยังเชิญชวนมหาเศรษฐีทั่วโลก ให้ร่วมเป็นหุ้น ส่วนของความดีอีกด้วย ส่วนที่เกี่ยวกับการหลงอำนาจนั้น ท่านอาจารย์ผู้เขียนได้คัดเอาส่วนหนึ่ง ของบทความของพระอาจารย์ ไพศาล วิสาโล มาให้อ่าน ซึ่งว่าด้วยการขึ้นสู่อำนาจ และในที่สุดก็ สูญเสียอำนาจของ วลาดิเมียร์ เลนิน และ โจเซฟ สตาลิน ผู้นำคอมมิวนิสต์รัสเซีย ความหลง อำนาจของทั้งสองคนนั้นทำให้ชาวรัสเซียต้องตายไปกว่า ๒๐ ล้านคน และลงท้ายทั้งเลนินและ สตาลินก็จบชีวิตลงด้วยอาการอันน่าสมเพชและทนทรมาน

ตอนท้ายของภาค นั้น ท่านอาจารย์พระมหาวุฒิชัยแนะนำวิธีบริหารจัดการความหลง เอาไว้ วิธี คือ ) หมั่นศึกษาหาความรู้ทางโลกคู่ทางธรรมอยู่เสมอ ) รู้จักเกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง อย่างมีปัญญา และ ) หมั่นเจริญวิปัสสนากรรมฐาน

ขณะที่เขียนเรื่องนี้ ผมไม่ทราบว่านักเรียนชั้นประถมปีที่ และชั้นอื่น จะได้รับแจก แทเบล็ตฟรตามนโยบายของรัฐบาลไปแล้วหรือไม่เพียงใด แต่ผมขอเสนอแนะให้รัฐบาลของ ..ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซื้อหนังสือ กิเลส MANAGEMENTของท่านอาจารย์พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี แจกรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา คนละหนึ่งเล่ม หนังสือนี้ ราคาตามปกเล่มละ ๓๐๐ บาท ถูกกว่าแทเบล็ตหลายสิบเท่า แต่ผมเชื่อว่า ประโยชน์ที่จะได้จาก การอ่านหนังสือเล่มนี้จะมากมายมหาศาลหลายร้อยหลายพันเท่า ยิ่งกว่าที่นักเรียนชั้นประถมจะได้ จากการใช้แทเบล็ต

และถ้าแม้ว่ากิเลสของผู้ที่ได้รับแจกบางคนจะหนาเสียจนเหลือวิสัยที่จะบริหารได้ และผู้ที่ได้ รับแจกเอาหนังสือเล่มนี้ไปขว้างทิ้ง แต่ผู้อื่นที่เก็บได้ก็ยังอาจจะได้อ่าน และสามารถบริหารจัดการ กิเลสของตนได้ไม่มากก็น้อย ผู้แจกก็ยังจะได้บุญอยู่วันยังค่ำ.

 

เชิญล่องเรือ ชมศิลปะ สถาปัตยกรรม และวิถีดั้งเดิมเมืองบางกอก

พิมพ์ PDF

กิจกรรมล่องเรือคลองด่าน คลองบางหลวง

“ศิลปะ สถาปัตยกรรม และวิถีดั้งเดิมเมืองบางกอก”

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม 2555

โดยความร่วมมือระหว่างสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสมาคมอิโคโมสไทย

กำหนดการ

8.00 น.         ลงเรือ ที่ท่าช้างวังหลวง  ชมความงามของภูมิทัศน์วัฒนธรรมแห่งแม่น้ำเจ้าพระยา

9.00 น.         เดินทางเข้าสู่คลองบางหลวงและคลองด่าน ผ่านโบราณสถานและสถานที่สำคัญหลายแห่ง ไปเริ่มต้น              การขึ้นชมวัดที่ วัดอัปสรสวรรค์ วรวิหาร ในบริเวณปากคลองด่าน เป็นวัดโบราณที่พระบาทสมเด็จ             พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปฏิสังขรณ์ขึ้นตามดำริของเจ้าจอมน้อยผู้ทรงมีความสามารถทางการละคร               และพระราชทานนามวัดไว้ให้เป็นอนุสรณ์ นำชมโบราณสถาน สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระประธาน 28 องค์ หลวงพ่อฉันสมอ และรับฟังการ บรรยาย เกี่ยวกับโครงการ อาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย เพื่อการอนุรักษ์หอพระไตรปิฎก วัดอัปสรสวรรค์วรวิหาร    พร้อมรับประทานอาหารว่าง

10.00 น.      ลงเรือเดินทางต่อไปยัง วัดนางนอง วรวิหาร วัดโบราณที่ปฏิสังขรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 3 เช่นกัน                     เป็นวัดที่ทรงสร้างในบริเวณนิวาศสถานเดิมของพระศรีสุลาลัย พระราชชนนี นำชมโบราณสถาน                 นมัสการพระประธานทรงเครื่องชมภาพจิตรกรรมเรื่องสามก๊ก แห่งเดียวในประเทศไทย

10.40 น.       เดินทางต่อไปยัง วัดราชโอรสาราม ราชวรวิหาร  วัดประจำรัชกาลที่ 3 ที่ทรงปฏิสังขรณ์ขึ้นตั้งแต่ดำรง   พระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ นำชมโบราณสถานซึ่งเป็นต้นแบบ                          งานสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมแบบพระราชนิยม และศาลาราย เจดีย์ถะ ในแบบจีน

11.20 น.      ลงเรือออกเดินทางไปยังบ้านศิลปิน คลองบางหลวง

12.00 น.      รับประทานอาหารกลางวันที่ บ้านศิลปิน คลองบางหลวง จากความตั้งใจที่จะอนุรักษ์คุณค่าของอาคารเก่า อายุร่วมร้อยปีนี้ไว้นำมาซึ่งการได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ของสมาคมสถาปนิกสยามฯ ชมบรรยากาศ         และการประกอบกิจกรรมต่างๆ ที่บ้านศิลปิน  ชมการแสดงหุ่นละครเล็ก คณะคำนาย ณ บ้านศิลปิน

14.30 น.      เดินทางไป วัดคูหาสวรรค์ วรวิหาร วัดเก่าแก่ของบางกอกที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา พระบาทสมเด็จ               พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงโปรดให้ปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ และนำพระประธานเดิมที่นี่ไปประดิษฐาน                  เป็นพระประธานที่พระอุโบสถวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม โดยเราจะยังได้ชมร่องรอยงานศิลปกรรมบางอย่างที่ย้อนไปได้ถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา

15.30 น.      ลงเรือเดินทางกลับสู่ท่าช้างวังหลวง

16.30 น.      เสร็จสิ้นกิจกรรม

 

วิทยากร                        ประจำเรือ           อ.บุญยกร  วชิระเธียรชัย คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

ดร.รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

ประจำฐาน          ดร.วสุ โปษยะนันทน์ สำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร

อ.กรรณิการ์ สุธีรัตนาภิรมย์ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร

คุณโกะ บ้านศิลปิน  (ชุมพล อักพันธานนท์)

 

ค่าใช้จ่าย              ท่านละ 999 บาท

รายได้ทั้งหมดสมทบกองผ้าป่าอาษาสามัคคีเพื่อการอนุรักษ์หอพระไตรปิฎกวัดอัปสรสวรรค์วรวิหาร

 

สอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่ง

ได้ที่      คุณวราภรณ์ ไทยานันท์

โทรศัพท์ 0 2628 8288 โทรสาร 0 2628 8289

อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน

 

 

บทความของ วสิษฐ เดชกุญชร

พิมพ์ PDF

หนังสือควรอ่านและควรแจก โดย วสิษฐ เดชกุญชร

เมื่อต้นเดือนนี้เอง ผมโทรศัพท์ไปเยี่ยมน้องสาวผมซึ่งอยู่ที่เชียงราย ทราบว่าขณะนั้นเธอ กำลังทำบุญถวายผ้าป่าอยู่ที่วัด เธอบอกด้วยว่า พระภิกษุรูปหนึ่งที่รับผ้าป่านั้น คือท่านอาจารย์ พระมหา วุฒิชัย วชิรเมธี หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ .วชิรเมธี พอได้ยินดังนั้นผมก็รีบบอก น้องว่าขอทำบุญด้วย เพราะผมรู้จักรักและเคารพท่านอาจารย์อยู่แล้ว

หลังจากนั้น - วัน น้องเดินทางมาพบผมที่กรุงเทพ นำหนังสือมาด้วยเล่มหนึ่ง บอก ว่าท่านอาจารย์พระมหาวุฒิชัยฝากมาให้ผม ผมรับหนังสือมาดูเห็นว่าเป็นหนังสือชื่อ กิเลส MANAGEMENT” ปกแข็งสีแดงเล่มไม่บาง (นับดูภายหลังได้ประมาณ ๓๐๐ หน้า) หุ้มปกด้วย กระดาษมัน พิมพ์สีเป็นภาพเขียนรูปท่อนบนของเด็กหญิงในเครื่องแบบนักเรียน นั่งหลับตาอยู่ใต้ กระท่อมหรือกุฏิ มีกรงเล็บของสัตว์ชนิดไหนก็ไม่รู้กำลังเอื้อมเข้าหาเด็กหญิงผู้นั้น ฝีมือเขียนรูปดู ก็รู้ว่าเป็นของชั้นศิลปินชั้นครู อ่านจากปกจึงรู้ว่าผู้เขียนคือ .วชิรเมธีและผู้เขียนภาพคือ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป (จิตรกรรม)

พอเอากลับมาบ้านและพลิกดูก็แล้ววางไม่ลง เพราะนอกจากจะพิมพ์ด้วยกระดาษมันและ หนาอย่างดี (อย่างที่เคยเรียกว่ากระดาษอาร์ต) แล้ว ในเล่มยังมีภาพเขียนสีฝีมือ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ แทรกอยู่ตลอดทั้งเล่มนับได้ ๓๘ ภาพ ส่วนเนื้อเรื่องนั้น ท่านอาจารย์มหาวุฒิชัย แบ่งออกเป็น บท และ ภาค คือบทนำซึ่งอธิบายความหมายของคำว่า กิเลสและเหตุผลที่ ต้อง manage หรือบริหารมัน ภาค ว่าด้วยการจัดการความโลก ภาค ว่าด้วยการจัดการ ความโกรธ ภาค ว่าด้วยการจัดการตัณหา มานะ และทิฎฐิ ภาค ว่าด้วยริษยา : หนามตำใจ จบลงด้วยบทส่งท้ายว่าด้วยการจัดการกิเลสตามแบบแผน คืออริยมรรคมีองค์

ใครที่เคยอ่านข้อเขียนของท่านอาจารย์พระมหาวุฒิชัยหรือ .วชิรเมธี หรือเคยฟังท่านพูด หรือแสดงธรรมมาแล้ว ย่อมทราบดีด้วยกันทุกคนว่า จะเขียนหรือพูดก็ตาม ท่านอาจารย์พระมหา วุฒิชัยท่านเก่งตรงที่ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย หรือถ้าจะพูดอย่างสมัยใหม่ก็ต้องว่า โดนใจผู้อ่านหรือผู้ ฟัง ในหนังสือ กิเลส MANAGEMENT” นี้ก็เช่นเดียวกัน ตั้งแต่บทต้นภาคต้นจนถึงภาคสุดท้าย บทสุดท้าย ท่านอาจารย์ผู้เขียนเขียนด้วยภาษาที่กระทัดรัดและอ่านเข้าใจง่ายเช่นเคย

เนื้อที่หน้ากระดาษนี้ไม่พอ จึงจะขอย่อยและยกเพียงบางตอนมาให้อ่านกัน

ในบทนำตอนที่ว่าทำไมต้องบริหารกิเลสนั้น ท่านอาจารย์ผู้เขียนอธิบายว่า สภาพจิตเดิม ของคนเรานั้นบริสุทธิ์ ผ่องใส แต่เศร้าหมองไปเพราะกิเลสที่จรมา (อาคันตุกะกิเลส) สถานภาพ ของกิเลสจึงเป็นเพียง แขกที่สัญจรมาชั่วครู่ชั่วคราว แต่ถ้าเรารู้ไม่เท่าทัน แขกแปลกหน้าที่เคย เป็นอาคันตุกะนี้อาจจะอยู่กับเราถาวรก็เป็นได้ ท่านบอกด้วยว่า กิเลสเหมือนไฟ ถ้ารู้จักใช้อย่าง มีปัญญา ก็เป็นประโยชน์ในการหุงหาอาหาร แต่ถ้าเราปล่อยปละละเลย ไฟที่เคยใช้หุงอาหารอันมี ประโยชน์นั่นแหละก็อาจลุกพรึบขึ้นไหม้บ้านไหม้เรือนได้

และแม้เราจะไม่สามารถจะตัดกิเลสได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้หมือนพระอริยบุคคล แต่เราก็ ไม่ควรจะมีชีวิตอยู่อย่างคนที่ยอมตกเป็นทาสของกิเลสจนเต็มเวลา ในแต่ละวันของเรานั้น ควรจะมี บางช่วงบางเวลา บางชั่วโมง บางนาทีหรือบางขณะจิต ที่เราเป็นฝ่ายประกาศอิสรภาพ ลุกขึ้นมา ปราบดาภิเษกเป็นนายเหนือกิเลสบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้กิเลสครอบงำเราชั่วนาตาปี

ในภาคอื่น ที่ตามมานั้น ท่านอาจารย์พระมหาวุฒิชัยท่านแยกแยะ และจัดการบริหาร กิเลสเอาไว้เป็นส่วน ผู้อ่านสามารถที่จะค้นหรือหยิบขึ้นมาประยุกต์กับสถานการณ์จริง ได้โดยง่าย

บทที่ผมอยากจะให้อ่านกันเร็ว มาก และบ่อย โดยเฉพาะผู้รับผิดชอบในการบริหาร งานบ้านเมืองและนักธุรกิจอภิมหานายทุนนั้น คือภาค การจัดการความหลง โดยเฉพาะในหน้า ๑๕๕ ที่ว่าด้วยหลงเงินจนเงินกลายเป็นพระเจ้า และหน้า ๑๖๙ ที่ว่าด้วยหลงอำนาจจนต้องบูชา อำนาจ ในส่วนที่เกี่ยวกับการหลงเงินนั้น ท่านอาจารย์ผู้เขียนได้ยกเอาชีวิตจริงของ บิล เกตส์ และ วอร์เรน บัฟเฟตต์ มาเป็นอุทาหรณ์ให้เห็นความไม่หลงเงินของมหาเศรษฐีทั้งสองคน ที่แม้จะ รวยแล้วอย่างมหาศาลเป็นอันดับที่ และที่ ของโลก แต่ลงท้ายก็ใช้เงินจำนวนมหาศาลของตน ก่อตั้งโครงการเพื่อมนุษยธรรมขึ้นหลายโครงการ ทั้งยังเชิญชวนมหาเศรษฐีทั่วโลก ให้ร่วมเป็นหุ้น ส่วนของความดีอีกด้วย ส่วนที่เกี่ยวกับการหลงอำนาจนั้น ท่านอาจารย์ผู้เขียนได้คัดเอาส่วนหนึ่ง ของบทความของพระอาจารย์ ไพศาล วิสาโล มาให้อ่าน ซึ่งว่าด้วยการขึ้นสู่อำนาจ และในที่สุดก็ สูญเสียอำนาจของ วลาดิเมียร์ เลนิน และ โจเซฟ สตาลิน ผู้นำคอมมิวนิสต์รัสเซีย ความหลง อำนาจของทั้งสองคนนั้นทำให้ชาวรัสเซียต้องตายไปกว่า ๒๐ ล้านคน และลงท้ายทั้งเลนินและ สตาลินก็จบชีวิตลงด้วยอาการอันน่าสมเพชและทนทรมาน

ตอนท้ายของภาค นั้น ท่านอาจารย์พระมหาวุฒิชัยแนะนำวิธีบริหารจัดการความหลง เอาไว้ วิธี คือ ) หมั่นศึกษาหาความรู้ทางโลกคู่ทางธรรมอยู่เสมอ ) รู้จักเกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง อย่างมีปัญญา และ ) หมั่นเจริญวิปัสสนากรรมฐาน

ขณะที่เขียนเรื่องนี้ ผมไม่ทราบว่านักเรียนชั้นประถมปีที่ และชั้นอื่น จะได้รับแจก แทเบล็ตฟรตามนโยบายของรัฐบาลไปแล้วหรือไม่เพียงใด แต่ผมขอเสนอแนะให้รัฐบาลของ ..ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซื้อหนังสือ กิเลส MANAGEMENTของท่านอาจารย์พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี แจกรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา คนละหนึ่งเล่ม หนังสือนี้ ราคาตามปกเล่มละ ๓๐๐ บาท ถูกกว่าแทเบล็ตหลายสิบเท่า แต่ผมเชื่อว่า ประโยชน์ที่จะได้จาก การอ่านหนังสือเล่มนี้จะมากมายมหาศาลหลายร้อยหลายพันเท่า ยิ่งกว่าที่นักเรียนชั้นประถมจะได้ จากการใช้แทเบล็ต

และถ้าแม้ว่ากิเลสของผู้ที่ได้รับแจกบางคนจะหนาเสียจนเหลือวิสัยที่จะบริหารได้ และผู้ที่ได้ รับแจกเอาหนังสือเล่มนี้ไปขว้างทิ้ง แต่ผู้อื่นที่เก็บได้ก็ยังอาจจะได้อ่าน และสามารถบริหารจัดการ กิเลสของตนได้ไม่มากก็น้อย ผู้แจกก็ยังจะได้บุญอยู่วันยังค่ำ.

 

บทความของนักเขียนอาชีพ คุณสันติ หอมยมณ์ (วาทิน ศานต์ สันติ)

พิมพ์ PDF

ผมมีโอกาสติดตามอ่านผลงานของนักเขียน งานประเภท ประวัติศาสตร์ไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  จึงได้ทาบทามให้ท่านช่วยเขียนบทความลงในเวปไซด์ ของ ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ และท่านตอบตกลง ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการจัดระบบ เพื่อให้ท่านสามารถเข้ามาเขียนบทความได้ด้วยตัวท่านเอง พร้อมนี้ได้นำการโต้ตอบระหว่างผมและคุณสันติมาให้ท่านรับทราบในเบื้องต้น ขอได้โปรดติดตามอ่านบทความของคุณสันติที่ตั้งใจเขียนให้กับกลุ่มสมาชิกของ ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ โดยตรง

 

ผมขอแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้งที่ ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท ให้ความกรุณาหยิบยื่นไมตรีให้ ทั้ง ๆ ที่ผมติดตามอ่านงานของคุณได้ไม่นานมานี้เอง

ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า ผมชอบเขียนงานประวัติศาสตร์ก็จริง แต่เมื่อลงลึกแล้วผมกลับชอบงานทางด้านโบราณคดีมากกว่า เพราะมันไม่ยึดติด ใช้หลักฐานมาก ไม่ปฏิเสธตำนาน

ที่ชอบที่สุดก็จะเป็นงานโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ศิลปะ แหล่งท่องที่ยวทางวัฒนธรรม แนวประยุกต์ให้เข้ากับเหตุการณ์ปัจจุบัน

และรวมถึงงานวิจารณ์หนังสือ ภาพยนตร์ โดยสอดแทรกแนวคติดทางคติชนวิยา และประวัติศาสตร์

หากจะให้เขียนประวัติศาสตร์ จ๋า ๆ ในลักษณ์เข้าแบบ กระแสหลักเลยก็คงต้องใช้ความพยายามากสักหน่อย เพราะความสามารถในภาษาอังกฤษผมบกพร่อง

ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ โดยคณาอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิที่ยังคอยให้ความกรุณาผมเมื่อผมต้องการค้นข้อมูล

ทั้งมวลที่กล่าวไปเพราะต้องการแสดงให้เห็นว่า ผมถนัดในด้านไหน ไม่ถนัดในด้านไหน เพื่อประกอบในการพิจารณา

ขอแสดงความนับถืออย่างและขอขอบพระคุณอีกครั้งครับ

สันติ หอมยมณ์ (วาทิน ศานติ์ สันติ)

ขอบพระคุณที่ให้ความสนใจงานเขียนของผมและชักชวนให้ขียนงานลงในเวปไซด์ อย่างที่ได้เรียนไปเบื้องต้นว่าผมมีความสนใจและเขียนงานประเภท ประวัติศาสตร์ไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ศิลปะในประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง วัฒนธรรมประเพณี อักษรและภาษาโบราณในประเทศไทย

ซึ่งผมได้อ่านเอกสารของมูลนิธิแล้ว งานเขียนของผมคงจะสร้างประโยชน์ให้กับมูลนิธิได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งแนวทางที่ผมถนัดนั้นน่าจะมีส่วนสนับสนุนภาคท่องเที่ยวได้ โดยสามารถใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานทางวิชาการ ให้กับธุระกิจท่องเที่ยว (ไกด์) ผมสามารถข้าถึงข้อมูล วิทยานิพนธ์ งานวิจัยของกรมศิลปากร รวมถึงมีความรู้จักกับบุคลากรที่มาจากมหาวิทยาลัยศิลปากรในระดับหนึ่ง ผมเชื่อว่างานประวัติศาสตร์ที่ดูจะแห้งแล้งชวนง่วงนอน หากนำมาประยุกต์ใช้เป็นข้อมูลเพื่อการท่องเที่ยวได้ ก็น่าจะดีกว่าให้มันอยู่ในหนังสือหนา ๆ ชวนน่าเบื่อไม่มีคนอ่าน

ผมได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับมูลนิธิและเวปไซท์แล้ว นับว่ามีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง

ส่วนเรื่องานเขียนนั้นผมสามารถนำไปลงให้ที่เวปไซด์ได้ อาจจะเดือนละเรื่อง โดยที่ไม่คิดต้นฉบับ ทั้งนี้ทั้งนั้นผมขอศึกษาแนวทางของมูลนิธิเพื่อคัดสรรงานเขียนที่เหมาะสม

ช่องทางการเข้าไปเขียนทำอย่างไร กรุณาช่วยแจ้งด้วยครับ

 


แก้ไขล่าสุด ใน วันเสาร์ที่ 05 พฤษภาคม 2012 เวลา 01:32 น.
 


หน้า 555 จาก 558
Home

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5613
Content : 3053
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8645077

facebook

Twitter


บทความเก่า