Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Thaiihdc.org

ความสัมพันธ์ ไทย-จีน

พิมพ์ PDF

สงคราม 16 วัน จีนบุกโจมตีเวียดนาม เมื่อ พ.ศ.2521

ความจริง ที่ต้องบอกต่อ...ให้ลูกหลาน ทั้งประเทศ ได้รับรู้ไว้

       หลังจากที่สหรัฐอเมริกาพ่ายแพ้สงครามเวียดนาม   ทหารเวียดนามได้ยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ อันทันสมัยไว้มากมาย ทั้งเครื่องบินรบ รถถัง ปืนใหญ่ และอาวุธประจำกาย ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงสุดของโลกในขณะนั้น

ทำให้กองทัพเวียดนามแข็งแกร่งขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลก

ทหารเวียดนาม จึงมีความกระหายสงครามเป็นอย่างยิ่ง ประกาศยึดลาว กัมพูชา และ ไทยต่อทันที ในเวลาเพียงไม่นาน ทั้งลาวและกัมพูชา ก็ตกเป็นของเวียดนาม

        นายพลโว เหงียนเกี๊ยบ ผู้บัญชาการกองทัพเวียดนามเจ็บแค้นมาก ที่ไทยยอมให้สหรัฐอเมริกา มาตั้งฐานทัพ และใช้เครื่องบินรบ บินขึ้นจากสนามบินอู่ตะเภา และสนามบินใน จ.อุบลราชธานี ขนระเบิดไปถล่มเวียดนามนับหมื่นเที่ยวบิน 

       กองทัพเวียดนามขนอาวุธทุกชนิดที่มี รถถังจำนวนมาก มาประชิดชายแดนไทยเป็นแนวยาวหลายร้อยกิโลเมตร  นายพลเวียดนามประกาศว่า จะนำทหารเข้าไปกินข้าวที่กรุงเทพฯ ให้ได้ภายใน 3 วัน

        นายกรัฐมนตรีไทยในขณะนั้น  คือหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช  เรียกประชุมด่วน และขอให้ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ  แจ้งไปยังสหรัฐอเมริกาว่า เรากำลังจะถูกเวียดนามบุก

         สหรัฐอเมริกา ตอบกลับมาว่า ขอให้เราช่วยตัวเอง เพราะสหรัฐเพิ่งถอนทัพจากเวียดนาม ไม่อาจช่วยอะไรได้อีกต่อไป รัฐบาลไทย  จึงได้ขอใช้อาวุธ ที่ยังตกค้างอยู่ที่ไทย  สหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้ไทยใช้อาวุธของอเมริกัน ที่ตกค้างจากสงครามและฝากเก็บไว้ในดินแดนไทย

        หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ เรียกประชุมผู้นำเหล่าทัพทันที และถามในที่ประชุมว่า ด้วยศักยภาพที่มีอยู่ตอนนี้ เราจะสู้เวียดนามได้กี่วัน .... ผู้บัญชาการทหารของกองทัพไทยตอบว่าประมาณ 4 วัน (มากกว่าที่นายพลเวียดนามบอกไว้ 1 วัน)

        หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ หันไปบอกกับพลเอกชาติชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ว่า.....เราต้องรีบไปจีนด่วนที่สุด....

        หลังจากนั้นไม่นาน ผู้นำไทยก็ได้เข้าพบ “โจวเอินไหล” นายกรัฐมนตรีของจีน  ประโยคแรก ที่โจวเอินไหล ทักทายพลเอกชาติชายคือ “เป็นไงบ้างหลานรัก”   (พ่อของพลเอกชาติชาย คือ พลเอกผิน เป็นเพื่อนร่วมรบกับโจวเอินไหลในครั้งสงครามเชียงตุง)

          การเชื่อมความสัมพันธ์เป็นไปอย่างชี่นมื่น ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเราไปให้ความสำคัญกับไต้หวันมากกว่าจีนแผ่นดินใหญ่ รับรองไต้หวันเป็นประเทศ  แต่โจว เอิน ไหลไม่คิดมาก  และ ยังเปิดโอกาสให้ได้พบกับ “เหมาเจ๋อตุง” ประธานพรรคคอมมิวนิสต์ และ “เติ้ง เสี่ยวผิง” รองนายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่งได้รับการวางตัวให้เป็นผู้นำจีนรุ่นต่อไป

          เวียดนามวุ่นวายกับลาวและกัมพูชาอยู่ 2 ปี ในเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2521  เวียดนามยกกำลังพล 400,000 นาย พร้อมอาวุธทันสมัยที่สุดในยุคนั้น เตรียมบุกไทย

ทางรัฐบาลได้มอบหมายให้ พันเอกชวลิต ยงใจยุทธ เดินทางไปจีน เพื่อขอความช่วยเหลือตามที่ มรว.คึกฤทธิ์ได้กรุยทางไว้

          เสนาธิการทหารของจีนประชุมกันและแนะนำว่า ควรปล่อยให้เวียดนามบุกเข้ายึดกรุงเทพฯ ก่อน แล้วค่อยส่งกองทัพจีนตามไปปลดแอกให้ แต่

เติ้งเสี่ยวผิง ลุกขึ้นตบโต๊ะในที่ประชุม แล้วกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า "ช่วยเหลือมิตร ต้องช่วยให้ทันการณ์"

           เดือนพฤศจิกายน 2521   เติ้งเสี่ยวผิง  เดินทางมาดูสถานการณ์ที่ประเทศไทย และรีบกลับไปทันที  หลังจากนั้น 2 เดือน ในเดือนมกราคม 2522  กองทัพจีนพร้อมกำลังพล 500,000 นาย  รถถัง 5,000 คัน เครื่องบิน 1,200 ลำ  ได้เปิดสงครามสั่งสอนเวียดนาม

                กองทัพจีน เข้าตีทางภาคเหนือของเวียดนามอย่างรุนแรง เวียดนามถอนทัพที่ประชิดชายแดนไทย กลับไปรับศึกจีน  จีนรุกไปถึงฮานอย จนทหารเวียดนามเสียชีวิตประมาณ 50,000 นาย และ เวียตนาม ถอนทัพกลับในทันที โดยใช้เวลาทั้งหมดเพียง 16 วัน 

           ย้อนไปนานกว่านั้น  เมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาแตก ราชสำนักชิง รีบส่งข้าหลวง ลงเรือสำเภามาดูสถานการณ์ในไทย และ ให้รายงานต่อราชสำนักทางปักกิ่ง อยู่ตลอดเวลา ในบันทึกภาษาจีนเขียนไว้ว่า  จักรพรรดิเฉียนหลง ทรงประสงค์จะรู้ข่าวคราว ของสยามถึงขนาดกระวนกระวาย เรียกประชุมกลางดึกหลายครั้ง จะเห็นได้ว่า จักรพรรดิจีนทรงให้ความสำคัญกับสยามเพียงใด

        ในจดหมายเหตุของราชวงศ์ชิงได้บันทึกถึง ครั้งที่จีนยกทัพตีภาคเหนือของพม่าไว้ว่า  ขณะที่กองทัพจีนบุกพม่า จักรพรรดิเฉียนหลง ได้ทรงติดต่อกับ “เจิ้งเจา” (สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ) หลายครั้ง ดังนั้น

ข้อสงสัยที่ว่า จีนยกทัพตีพม่า ก็เพื่อดึงทัพของเนเมียวสีหบดีกลับไป ย่อมจะเป็นจริงเพราะถ้าทัพใหญ่ของพม่า  ยังคงอยู่ที่อยุธยา กองทัพพระเจ้าตากฯ ซึ่งมีทหารเพียงหลักพันนายเท่านั้น ย่อมไม่มีทางจะเอาชนะได้เลย  และ ชาติไทยก็อาจจะหายไปจากแผนที่โลกในปัจจุบันก็ได้

    ........ ตลอดระยะเวลาหนึ่งพันปี ที่ผ่านมา เห็นได้ว่าจีนให้ความสำคัญกับไทยมากๆ  ในฐานะมิตรประเทศที่มีความผูกพันอย่างแนบแน่น

 

Cr.ทันตแพทย์ สม สุจีรา


 

เปิด 7 จุดแข็งไทย ใกล้ชนะ โควิด-19

พิมพ์ PDF

เปิด 7 จุดแข็งไทย ใกล้ชนะโควิด-19 แม้แต่ญี่ปุ่นยังชม ใช้เป็นโมเดล จุดเปลี่ยนสำคัญของไทย คือการมีผลบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน วันที่ 26 มีนาคม และ ประกาศเคอร์ฟิว วันที่ 3 เมษายน ถ้านับระยะฟักตัวไม่เกิน 14 วัน มาเป็นฐาน เท่ากับว่า หลังวันที่ 10 เมษายน สถานการณ์การติดเชื้อโควิดรายใหม่ต้องค่อยๆ ลดลง และก็เป็นจริง พอจะประเมินสาเหตุได้คือ


1.รัฐบาลสามารถใช้ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พยาบาลนักสาธารณสุข ตลอดจน อสม. มาเป็นทัพหน้า โดยเอาฝ่ายการเมืองมาเป็นทัพหลัง การต่อสู้ครั้งนี้จึงใช้องค์ความรู้ด้านวิชาการแพทย์เป็นหลัก ทำให้ได้รับการยอมรับจากประชาชน


2.ต้องถือว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีการกระจายอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างจริงจัง ไม่ต้องนั่งรอคำสั่งส่วนกลาง จึงเกิดความตื่นตัวในแต่ละจังหวัด มีการแข่งขันผลงาน เช่น การประกาศห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การล็อคดาวน์จังหวัด ที่แต่ละจังหวัดประกาศกันเอง


3.การเลือกใช้คุณหมอทวีศิลป์ วิษณุโยธิน มาเป็นโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด19. ) หรือ ศบค เป็นการใช้คนที่ถูกที่ถูกเวลา เนื่องจากต้องใช้ความรู้พื้นฐานทางการแพทย์ ที่อธิบายเรื่องแพทย์ให้ประชาชนเข้าใจ ประกอบกับบุคคลิกท่าทีเป็นที่ยอมรับของประชาชน


4.เกิดความตื่นตัวอย่างคาดไม่ถึงในกลุ่มประชาชน พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ทั้งระเบียบวินัย การใส่หน้ากากอนามัย รวมถึงระยะห่าง อยู่บ้าน และการล้างมือ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆ และการมีส่วนร่วมเฝ้ารอแต่ละวันที่คุณหมอทวีศิลป์แถลง ทำให้ประชาชนมีอารมณ์ร่วมเฝ้าติดตาม และรู้สึกถึงชัยชนะร่วมกัน



5.วัฒนธรรม ประเพณี ความมีน้ำใจเอือเฟื้อเผื่อแผ่ ของคนไทยโดยพื้นฐาน ที่มีน้ำใจช่วยเหลือกัน ที่หายากในชาติอื่นโดยเฉพาะชาติตะวันตก จึงทำให้ประเทศไทยมาถึงวันนี้


6.สภาพภูมิอากาศร้อนของไทย ในช่วงมีนาคมและเมษายน ไม่เอื้อต่อการแพร่ระบาดของไวรัส ไม่เหมือนฤดูฝน จึงมีส่วนช่วยมาก และคาดว่ารัฐบาลต้องปิดศึกครั้งนี้ภายในเดือนเมษายนนี้


7.การกล้าตัดสินใจของท่านนายกรัฐมนตรี ต่อกระแสข่าวเรื่องทุจริตต่างๆ ที่เกิดขึ้น และท่านดึงอำนาจเข้ามาจัดการเองจนเรื่องปัญหาต่างๆ ได้รับการแก้ไขทันท่วงที


นี่คือ เหตุผลโดยรวมที่ทำให้สงครามโควิดภาคสาธารณสุขของไทย เห็นชัยชนะในอีกไม่นาน ถ้าหากเราไม่ประมาท ก็คงเหลือแต่สงครามโควิดภาคเศรษฐกิจ ที่ต้องใช้คนดีมีฝีมือ อีกชุดหนึ่งมาแก้ไข คงต้องติดตามกันต่อไป-----  ศ นพ เกษม วัฒนชัย

 

การดำเนินธุรกิจตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของชุมพรคาบาน่า

พิมพ์ PDF

การดำเนินธุรกิจตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของชุมพรคาบาน่า

 

ความพอประมาณ

  • พึ่งพาตนเอง โดยการผลิตสิ่งของบางอย่างใช้เอง เช่น เครื่องคั่วกาแฟ สบู่ น้ำยาทำความสะอาด ปรับผ้านุ่ม น้ำมันไบโอดีเซล เป็นต้น
  • พึ่งพาอาศัย โดยให้พนักงานและครอบครัวผลิตสิ่งของส่งมาขายให้องค์rกร
  • พึ่งพิงกัน โดยการนำสิ่งของที่มีอยู่มากและไม่ได้ใช้ประโยชน์ ไปแลกเปลี่ยนกับสิ่งของบางสิ่งที่จำเป็นต้องใช้จากชาวบ้าน หรือชุมชน
  • เจริญเติบโตอย่างพอเพียง คำนึงถึงศักยภาพขององค์กรและสิ่งแวดล้อม
  • ประกอบธุรกิจเฉพาะด้านที่ชำนาญหรือต่อยอดจากธุรกิจหลักเท่านั่น

 

 

แก้ไขล่าสุด ใน วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม 2011 เวลา 23:51 น.
 

พิธีประกาศสดุดดีเกียรติ บุคคลแห่งชาติ 2567

พิมพ์ PDF

 

ทำอย่างไรให้พนักงานรักองค์กร

อีเมล พิมพ์ PDF

{jcomments on}ทำอย่างไรให้พนักงานรักองค์กร

 

 

เมื่อวันก่อนอลิสได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหารระดับสูงท่านหนึ่ง ท่านบอกดิฉันว่าท่านอยากจะให้พนักงานในหน่วยงานของท่านรักองค์กรให้มาก ๆ ยิ่งถ้าเกิดจิตสำนึกในความเป็นเจ้าขององค์กร (Sense of Belongings) ได้ยิ่งดี ทำเอาอลิสคิดหนักว่าจะแก้โจทย์ที่ท้าทายของท่านได้อย่างไร

อลิสคิดว่าถ้าอยากให้ใครรักเรา ชื่นชอบเรา และทำดีกับเรา เราก็ควรทำสิ่งนั้นกับเขาก่อนตามหลักคำสอนของพระเยซู ที่เน้นเรื่องการให้มาก “จงให้ก่อน แล้วท่านจะได้” อลิสมีความเชื่อในเรื่อง “ ความรักกับการให้” มากค่ะ การที่คุณจะให้อะไรกับใคร อลิสอยากจะให้คุณเติมเต็มความรักเข้าไปด้วย ไม่ใช่สักแต่ว่าจะให้ ต้องรู้ว่าสิ่งที่ให้นั้นเขารัก เขาชอบในสิ่งที่เราพยายามจะให้หรือไม่
ดังนั้นการที่คุณอยากจะให้พนักงานรักองค์กร ขอให้เริ่มจากการให้ก่อนเลยค่ะว่า คุณได้ให้ในสิ่งที่พนักงานต้องการหรือไม่ ไม่จำเป็นว่าจะต้องถึงขนาดทำการสำรวจพนักงานทุกคนในองค์กรหรือถึงขนาดว่าจ้างที่ปรึกษาว่าพนักงานของคุณมีความพอใจกับปัจจัยต่าง ๆ ที่มีมากน้อยแค่ไหน  อลิสขอแนะนำให้คุณใช้หลักการจัดการที่ดีสำหรับผู้บริหารก็คือ “Walk Around Management” หมายถึง การให้ความใกล้ชิด การดูแลเอาใจใส่พนักงาน ด้วยการพูดคุยหรือสังเกตความรู้สึกของพนักงาน การที่คุยพูดคุยกับพนักงานของคุณมากขึ้นด้วยใจที่เต็มเปี่ยมพร้อมที่จะให้ มิใช่การจ้องจับผิด อลิสมีความเชื่อว่าความรู้สึกเช่นนั้นจะส่งผลต่อไปยังการรับรู้ของพนักงานของคุณ ..... ของแบบนี้รับรู้กันได้โดยผ่านทางกระแสจิตค่ะ
แนวคิด Walk Around Management เป็นแนวคิดหนึ่งที่ช่วยทำให้เกิดบรรยากาศการทำงานที่ดี มีความรู้สึกเป็นกันเอง ตัดช่องว่างระหว่างหัวหน้ากับลูกน้องไป มีเพียงความเป็นพี่น้อง ความเป็นเพื่อน พร้อมที่จะช่วยเหลือกันและกัน นอกจากนี้อลิส ขอแนะนำหลักปฏิบัติต่าง ๆ ในการสร้างบรรยากาศของความเป็นมิตร เช่น
หากิจกรรมทำร่วมกัน – ขอให้เป็นกิจกรรมที่ยกระดับจิตใจค่ะ ทำให้จิตสงบเป็นสมาธิ อลิสคิดว่าการพาพนักงานเข้าวัด ฟังธรรม หรือนั่งสมาธิ โดยมีหัวหน้างานเป็นผู้นำทีม ซึ่งคุณไม่จำเป็นจะต้องใช้เวลาหยุดเสาร์อาทิตย์ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ คุณสามารถเลือกใช้วันทำงานเพื่อร่วมกิจกรรมเหล่านี้กับพนักงาน ทำให้เขารู้สึกว่าวัน ๆ คุณไม่ได้มุ่งแต่จะให้พวกเขาทำแต่งานอย่างเดียว แต่คุณได้ใส่ใจกับสภาพจิตใจและความรู้สึกของพวกเขาด้วยเช่นกัน
ถามไถ่เรื่องส่วนตัวของพนักงานบ้าง– คุณหาเวลาสงบ ๆ นั่งคิดว่า คุณรู้เรื่องส่วนตัวของพนักงานมากน้อยแค่ไหน เช่น เขาอยากจะทำอะไรในอนาคต เขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ซึ่งคุณเองไม่จำเป็นจะต้องรู้ในรายละเอียดแบบลงลึกก็ได้ เพราะข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้จะทำให้คุณเกิดความเข้าใจพวกเขา บางครั้งพฤติกรรมที่พวกเขาแสดงออกกับคุณในทางที่ไม่ดีอาจเป็นเพราะปัญหาส่วนตัวของพวกเขา ซึ่งถ้าคุณมีโอกาสได้รับรู้ คุณอาจจะเป็นบุคคลหนึ่งที่ทำให้พนักงานรู้สึกสบายใจ ..... จิตที่สบาย จะส่งผลให้พฤติกรรมการทำงานดีขึ้นค่ะ
สรรหาคำพูดเชิงบวก –  มีคำพูดมากมายเพื่อให้กำลังใจพนักงาน เมื่อพนักงานทำผิด คุณไม่ควรซ้ำเติม หรือตอกย้ำความผิดนั้น คุณสามารถใช้คำพูดเพื่อทำให้พนักงานรู้สึกดี เช่น “ก็ยังดีนะ”  “ไม่ต้องคิดมา’  “เพียงแค่นี้เอง”  และในระหว่างที่คุณพูด คุณสามารถใช้การสัมผัสด้วยมือ หรือด้วยตา ควบคู่ไปกับการพูดด้วยได้เช่นกัน เช่น ตบไหล่เบา  ๆ หรือมองตาพนักงานเพื่อแสดงว่าคุณเข้าใจและรับรู้ในความรู้สึกของลูกน้อง........ของแบบนี้ต้องลองทำนะคะ แล้วคุณจะรู้ว่าคุณเองก็ทำได้
คำแนะนำเหล่านี้เป็นเพียงข้อเสนอแนะเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อช่วยทำให้พนักงานรักองค์กร อยากจะทุ่มเทกำลังกายและกำลังใจเพื่อสร้างผลงานดี ๆ ให้กับองค์กร ...... เห็นไหมค่ะว่า คุณในฐานะของหัวหน้างานสามารถเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทำให้พนักงานรักองค์กรได้เช่นกัน

 

 

แก้ไขล่าสุด ใน วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2013 เวลา 13:38 น.
 


หน้า 15 จาก 559
Home

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5614
Content : 3057
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8655490

facebook

Twitter


บทความเก่า