Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Thaiihdc.org

Message from Kimberly

พิมพ์ PDF

 

ผมได้รับ e-mail จาก Kimberly เห็นว่าเป็นประโยชน์กับผู้ที่ชอบการท่องเที่ยว และอยากหางานด้านการท่องเที่ยวทำ จึงนำมาเผยแพร่ในวันนี้

Image

Hi Chanchot,

I hope you're having a wonderful Saturday.

How many people do you know absolutely couldn't wait all week for today to finally arrive?

After all, it's Saturday and for many of us it's NOT a workday.

It's an epidemic how many of us, every Monday to Friday, count down to the weekend because we hate our jobs so much and just want to be free.

It's so bad that we've actually assigned names to some of the workdays, just to give us motivation and strength to get us through the week.

Manic Mondays...

Hump Day Wednesday...

And our favorite...TGIF (Thank God It's Friday)

But what if I told you that you don't have to go through week after week, counting down to the weekend, just so you can escape from your job that you hate for two days only.

Your travel dream job is waiting for you. But first let me ask you a question.

Are you looking for it? You should be. Because it's out there. And it's easy to find.

People are always talking about their "dream job" in the travel industry, but how many people do you know have it? Not too many I'm sure. So why do so many people talk about it but so few achieve it?

The truth is that most people don't try to have their travel dream job.

It's not because their dream job doesn't exist in this industry, it's because most people don't know how to go about finding it. Your dream job is not just something you happen to stumble upon one day; it's something that must be carefully crafted.

There are four "S's" that will help you land your dream job in travel, tourism and hospitality: Self-Confidence, Specificity, Skill and Stubbornness.

1. SELF-CONFIDENCE: To find your dream job in this industry you have to be unwilling to settle for less. If you allow yourself to stay in a job outside of this industry that you don't love simply because it's stable and safe, then the chances of finding your dream job will be slim. It takes having confidence in yourself to go after your travel dream job and believe it exists.

2. SPECIFICITY: The number of people who cannot articulate what their dream job really is always surprises me. Ok, so you want to work in travel, tourism and hospitality. What does that mean? What type of position do you want? What kind of company do you want to work for?

3. SKILL: If you don't have the skills or qualifications for your dream job, you can strategically develop your career path to draw your dream job closer to you. Those who get jobs in this industry are those who can sell themselves the best and have functional skills that are transferable from one job to another.

4. STUBBORNNESS: Most people look for their dream jobs when they find themselves with no job or in between jobs. They don't really believe they'll find their travel dream job, but they look for it anyway at the same time they're looking for an "in the meantime" job. Don't do this. The best way to find your dream job is to get as specific as possible about what you're looking for in this industry and then be consistent in taking action to get it.

Chanchot, if you're ready and clear about what you want and what you can do, you can improve your chances of landing your travel dream job. While others are just going through the weekend wishing that it never ends and dreading Mondays, you'll be able to welcome each Monday with a smile, knowing that you're about to start your workweek right because you have your dream job.

However, if you still haven't figured out what you want to do in this industry, I'm actually in the process of creating a program designed specifically to help you get unstuck and finally discover where you belong in the travel industry.

Even if you have no clue where to start, you’ll learn how to come up with a travel career idea that you can use to break into the travel industry and start your travel career right. The step-by-step program will:

  • Share my best shortcuts and proven strategies to help you explore, evaluate and narrow down what type of job or career really fits you best in the travel, tourism and hospitality industry based on your existing skills, knowledge, interests and work experience.
  • Provide detailed explanations on which transferable skills match with which types of career paths in the industry overall, along with complete job titles across the entire industry.
  • Give you the exact steps I took to achieve career clarity quickly, launch my tourism career and make my dreams of getting paid to travel around the world a reality.

​Would this be of interest to you Chanchot?

Please take just a second to hit reply and let me know your response. I read each and every email.

And if you have specific ideas about what you’d like me to include, let me know! This is a unique opportunity to have an online program tailored to your needs.

Thanks and I’ll be in touch soon.

1748 Gordon Lane
Tobyhanna PA 18466
USA

แก้ไขล่าสุด ใน วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม 2015 เวลา 13:12 น.
 

จิตใหญ่

พิมพ์ PDF

ชีวิตที่พอเพียง 3225. ภาวนาให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองด้านอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรมสมาทาน “จิตใหญ่”

วันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๑ ผมได้อยู่ในวงสนทนาเรื่องที่เชื่อมโยงกับกระแสเชี่ยวกรากเรื่องร่าง พรบ. การอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม พ.ศ. ...  ถึง ๓ วง    ไม่ว่าอยู่ในวงไหน ผมมีจุดยืนตาม บันทึกนี้

คือผมพยายามชี้ว่า พวกเราที่เป็นผู้ใหญ่ต้องคิดถึงเป้าหมายใหญ่และระยะยาวของประเทศเป็นหลักต้องช่วยกันหาทางก้าวข้ามแรงกดดันหรือความยากลำบากระยะสั้นไปให้ได้    เพื่อบรรลุเป้าหมายใหญ่ในระยะยาวคือการใช้อุดมศึกษาขับเคลื่อนนวัตกรรมของประเทศ ไปสู่ประเทศไทยที่พลเมืองมีรายได้สูงและสังคมดี     ผู้คนมีความสุข ความเสมอภาคและรักใคร่ปรองดองกัน    ที่รัฐบาลนี้ใช้คำว่าประเทศไทย ๔.๐

ฟังจากข่าวประจำวันในขณะนี้เห็นได้ชัดว่า ประเด็นใหญ่อย่างหนึ่งที่ต้องก้าวข้ามคือ การโกงกิน    ที่ปูดออกมาในวงการสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่  วงการศึกษา กระทรวง พม. ดาราหรือเน็ตไอดอล และอื่นๆ   ซึ่งรากเหง้ามาจากความเป็นแก่ตัวจัด จนชนะฐานคุณธรรมภายในตน    นั่นคือฐานด้านสังคม

ฐานด้านเศรษฐกิจรัฐบาลนี้เก่งด้านการวางฐานหลักการ ว่าต้องเน้นที่ เศรษฐกิจสร้างสรรค์  โดยมีกลไกสำคัญคือ นวัตกรรมที่มีประเด็นเชื่อมโยงตามมาเป็นขบวนใหญ่   และการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุดมศึกษา เป็นกลไกสำคัญ  

เมื่อจะต้องเปลี่ยนแปลงหน่วยราชการระดับกระทรวง  ก็จะมีความขัดแย้งเกิดขึ้นทันที   เพราะกระทบอำนาจหน่วยงานและบุคคลที่ดำรงตำแหน่งในปัจจุบัน    เกิดการเล่นการเมือง ต่อสู้กันด้วย “จิตเล็ก”จิตเห็นแก่ตัวและพวกพ้องวงแคบ  

แม้ในสมาชิกของรัฐบาลเองก็มีข่าวการต่อสู้แย่งชิงอำนาจกัน แบ่งเป็นพวกเป็นฝ่าย ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่   ทำให้ผมคิดว่า คนเป็นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล มีหน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งคือสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในรัฐบาล และความมี “จิตใหญ่”  เป็นตัวอย่างให้คนในสังคมวงกว้างเห็น   โดยยึดเป้าหมายผลประโยชน์ภาพรวมและระยะยาวของประเทศเป็นสำคัญ    ต้องทำให้สังคมไทยจับประเด็นนี้ให้ได้  

ไม่ทราบว่าผมฝันกลางวันหรือเปล่า

ผมสดับตรับฟังข่าวสารในบ้านเมืองเต็มไปด้วยเรื่องราวของ “จิตเล็ก” ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าระบบสื่อสารมวลชนของเรากำลังสร้างคนไทยจิตเล็กเต็มบ้านเมืองหรือไม่   สื่อสารสาธารณะที่สร้าง “จิตใหญ่” เป็นอย่างไร    เราจะช่วยกันสร้างจิตใหญ่ให้แก่บ้านเมืองเพื่ออนาคตที่ดีของลูกหลาน ได้อย่างไร  

กลับมาที่กระทรวงอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต   ผมมองว่า นี่คือการสร้างโอกาส transform สถาบันอุดมศึกษาให้มีพลังต่อการสร้างอนาคต คือ ประเทศไทย ๔.๐  โดยที่สถาบันอุดมศึกษาในสภาพปัจจุบันไร้พลัง    ตัวเองก็ดูจะเอาตัวไม่ค่อยรอด   

กระทรวงอุดมศึกษาฯ ที่ผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้อง เต็มไปด้วยคน “จิตเล็ก”   และยึดติดรูปแบบเดิมๆ    จะไม่มีทางเป็นพลังให้แก่ประเทศไทย๔.๐ ได้    การสร้างกระทรวงใหม่นี้จึงต้องเขียนกฎหมายที่แหวกไปจากแนวทางเดิมๆ   ไปเน้นการกำหนดเจตนารมณ์ หรือเป้าหมาย   และเปิดช่องให้มีการสร้างนวัตกรรมในการบริหารจัดการ   เมื่อมีการแดงผลงานเป็นที่ประจักษ์หน่วยงานนั้นก็จะได้รับทรัพยากรเพิ่มขึ้น  คืองบประมาณของภาครัฐเปลี่ยนไปเน้นการ “ซื้อผลงาน”มากขึ้น     

พรบ. ใหม่นี้ น่าจะระบุให้มี platform การทำงาน innovation ที่หลายฝ่ายเข้ามาร่วม    โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคธุรกิจอุตสาหกรรมและการค้าบริการ   และระบุให้มีการแก้ระเบียบวิชาการว่าด้วยการเรียนการสอน ให้เปลี่ยนจาก lecture-basedไปเป็น inquiry-based, activity-based    คือต้องใช้ พรบ.ใหม่กำหนดเงื่อนไขสร้างการเปลี่ยนแปลงในระบบอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรมได้อย่างแท้จริง    โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ว่าด้วยนักศึกษา   เปลี่ยนจากผู้มาดูดซับความรู้ที่มีอยู่แล้ว เป็นเน้นให้เป็นผู้ร่วมสร้างความรู้จากการปฏิบัติงานในสภาพจริง    โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพที่ต้องสร้างนวัตกรรม

วิจารณ์ พานิช

๑๔ มิ.ย. ๖๑



 

ประชาชนไทยถูกสอน (อย่างไม่รู้ตัว) โดยผู้สอนคือ "นักการเมือง"

พิมพ์ PDF

 ประชาชนไทยถูกสอน (อย่างไม่รู้ตัว) โดยผู้สอนคือ "นักการเมือง"

นักการเมือง มีกลุ่มขั้วการเมืองตรงกันข้าม จึงเกิดการสอนให้ประชาชนเลือกมองแต่ข้อด้อยของสิ่งต่าง ๆ หากสิ่ง ๆ นั้นเป็นสิ่งที่ฝ่ายการเมืองขั้วตรงกันข้ามต้นเป็นคนดำเนินการ

เราเคยตั้งคำถามไหมว่าทำไมเวียดนามจึงเข้าร่วม CPTPP

อ. ยักษ์ และลูกศิษย์อาจารย์ยักษ์เคยตั้งคำถามไหมทำไมเวียดนามจึงเข้าร่วม CPTPP

เวียดนามมีชาวนาเวียดนามปลูกข้าวหอมมะลิเหมือนกับชาวนาไทย

และทำไมประเทศมาเลเซียจึงเข้าร่วม ซึ่งประเทศมาเลเซียมียางพาราเหมือนประเทศไทย

ทำไมชาวนาในเวียดนามจึงไม่ออกมาคัดค้านรัฐบาลเวียดนามในการลงนามข้อตกลง CPTPP

เมื่อค้นหาคำตอบ ก็จะเห็นคำตอบ "อ๋อ...ก็เพราะชาวนาเวียดนามเขามองเห็น "โอกาส โอกาส และโอกาส" ส่วนปัญหา เดี๋ยวมีกระบวนการ "เจรจา ต่อรอง ปรับปรุงข้อตกลงได้ในอนาคต ยังมีเวลาอีกระยะหนึ่ง ที่เราจะปรับตัวได้ แต่โอกาสคือเราจะมีตลาดเพิ่มขึ้นอย่างน้อยอีก ๑๐ ประเทศ ดี ๆ โอกาสแบบนี้ไม่ค่อยมีบ่อยนัก" รัฐบาลเวียดนามลงนาม เราจะได้ขายข้าวของเวียดนามให้ประเทศ ๑๐ ประเทศได้อย่างสบายใจ

ชาวนาเวียดนามได้อ่านข่าว "เอ๋... ทำไมประเทศไทยไม่ลงนาม CPTPP" พอติดตามข่าวของประเทศไทย "อ๋อ...เกษตรกรไทยไม่เอาด้วย บอกว่ามีปัญหาเรื่องเมล็ดพันธุ์ เอ๋...ก็เขาแก้ไข ปรับปรุงข้อตกลงแล้วนี่ ไม่มีเรื่องเมล็กพันธุ์แล้วนี่ ทำไมชาวนาไทยไม่รู้เรื่องนี้นะ น่าแปลกใจจริง"

เรื่องราวจากชีวิตจริง ในประเทศไทย ที่ไม่ใช่นิทานสอนใจ แต่เป็น "เรื่องจริงสอนใจ" 


 (เมื่อไร ประชาชนไทยจะหลุดพ้นจากวงจร "ขอค้านไว้ก่อน" ที่ก่อเหตุโดยนักการเมืองกลุ่มต่าง ๆ เสียที ประเทศไทยจะได้มีโอกาสระดับโลกมากขึ้น) ไม่รู้ว่าต้องรออีกกี่ปี จึงจะได้เห็นการหลุดพ้นของประชาชนไทย จากวงจร "ขอค้านไว้ก่อน" เสียที

วงจร "ขอค้านไว้ก่อน" จะไม่เกิดในภูมิพลมหาวิทยาลัย และจะต้องไม่เกิดในองค์กรผู้นำพลเมือง (ประเทศไทย) เพราะองค์กรทำงานเครือข่ายระดับโลก มีผลประโยชน์ส่วนรวมของสมาชิกกลุ่มต่าง ๆ มาก่อนประโยชน์ส่วนตนขององค์กรฯใดองค์กรหนึ่ง

 

ดร. หนึ่ง
ผู้ก่อตั้งระบบพอเพียงนิยม (Sufficientism)
๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓

ขออนุญาติแก้ข้อความสุดท้าย


 

บทเรียนจากความตริง โควิด 19 เปรียบเทียบผู้นำ 3 คน สี จิ้น ผิง ทรัมป์ และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

พิมพ์ PDF

บทเรียนจากความจริง

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

วันเสาร์ ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2563, 02.00 น.

โควิด-19 (COVID-19) เปรียบเทียบผู้นำ 3 คน สี จิ้น ผิง-ทรัมป์ และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

2 เดือนที่ผ่านมา ผมเขียนเรื่องโควิด-19 หลายครั้งและคงยังเขียนต่อไป วิธีการเขียนของผมสอนให้ผู้อ่านนึกถึงผู้นำกับการแก้วิกฤติโควิด-19 ว่า จะจัดการได้อย่างไร 3 ท่าน

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ผมเขียนถึง สี จิ้น ผิง ในการเป็นผู้นำในช่วงวิกฤติโควิด-19

บัดนี้มีตัวเลขชัดเจนแล้วว่า หลังจาก 2 เดือน ตัวเลขผู้ป่วยของคนจีนทั่วประเทศเริ่มนิ่งเพราะผู้นำเอาจริง เช่น ช่วงวิกฤติเขาเดินทางไปให้กำลังใจที่อู่ฮั่นด้วยตนเอง ส่งแพทย์และพยาบาลไปที่อู่ฮั่นทุกๆ จุดห้ามออกจากบ้านโดยเด็ดขาด

บัดนี้ตัวเลขนิ่งไม่มีผู้ป่วยเพิ่มและมีแนวโน้มจะลดลงด้วยแต่สถานการณ์ของจีนรุนแรงมาก เช่น มีผู้ป่วยเกือบ 80,000 คนเสียชีวิต 3,000 กว่าคน แต่ผู้นำเขามีศักยภาพแก้ปัญหาได้และพอเมื่อเหตุการณ์ดีขึ้น สี จิ้น ผิง ก็กลับไปเยือนอู่ฮั่นเพื่อให้กำลังใจ

ผมคิดว่า สี จิ้น ผิง คงกำลังคิดต่อว่าจะฟื้นเศรษฐกิจจีนอย่างไรนอกจากนั้นคงจะเป็นผู้นำในโลกในการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกและทำโดยเปิดเผยไม่ปกปิดข้อมูลผมเช็คหลายแห่ง เช่น องค์การอนามัยโลกที่ยอมรับว่าจีนภายใต้การนำของสี จิ้น ผิง มีธรรมาภิบาลโปร่งใสเปิดเผยทุกๆ เรื่อง

ผมต้องการให้จีนดูแลเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกด้วยเพราะประเทศจีนเองก็คงวิตกเรื่องการฟื้นตัวของเขาและเศรษฐกิจโลกที่สำคัญคือการเริ่มต้นของคนจีนมาเที่ยวไทยในระยะเวลาที่เหมาะสมและเน้นเศรษฐกิจ เช่น การส่งออกของไทยไปจีนและการเชื่อมโยงเรื่องห่วงโซ่อุปทานของ2 ประเทศต่อเศรษฐกิจโลกให้กลับมาสภาพเดิมโดยเร็วไม่ให้มีปัญหา หากมีเศรษฐกิจลูกโซ่จะอันตรายมาก ผมจึงให้คะแนนผู้นำจีน A

มาดูผู้นำอย่างทรัมป์ซึ่งเป็นผู้นำที่ไม่มีระบบความคิดเพราะไม่เชื่อวิทยาศาสตร์ช่วงแรกไม่ยอมรับด้วยว่ามีโควิด-19คือ คิดไม่รอบคอบเชื่อว่าโรคร้ายแบบนี้เดี๋ยวก็หายไปเอง พูดอย่างประมาทควรให้มืออาชีพมาเป็นผู้นำแต่ให้รองประธานาธิบดี ซึ่งไม่มีความรู้เรื่องการแพทย์ทำตอนหลังตัวเลขในอเมริกาพุ่งขึ้นอย่างมาก มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 1,000 คน

ทำให้ทรัมป์เริ่มปรับตัวขึ้นเรื่อง โควิด-19 แต่ก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมโลกมากนัก

ผมเคยพูดว่าผู้นำต้องเป็นที่ยอมรับซึ่งมีภาษาอังกฤษอยู่ 2 คำที่ทรัมป์ขาดทั้ง 2 เรื่อง

-Trust ความไว้เนื้อเชื่อใจ

-Credibility ความน่าเชื่อถือ

เขาโกหกทุกๆ เรื่องที่เขาได้ประโยชน์พอราคาน้ำมันในโลกตก เรื่องโควิด-19 ปิดไม่ได้แล้ว ตลาดหุ้นตก ทรัมป์ไม่วิตกเรื่องสุขอนามัยของคนอเมริกาแต่วิตกเรื่องคะแนนนิยมเลือกตั้งปี 2020 ผมให้คะแนนผู้นำทรัมป์ในเรื่องโควิด-19 คือ F

มาถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้โดยเฉพาะการดูแลเรื่องนำเอาคนไทยจากอู่ฮั่นกลับมาเป็นที่น่าชื่นชมคือการแพทย์และการรักษาพยาบาลของไทยที่ผมชื่นชมมานานแล้วนายกฯประยุทธ์สนับสนุนให้การแพทย์ทำงานอย่างเต็มที่

จะมีจุดอ่อนเรื่องหน้ากากอนามัยที่ท่านนายกฯประยุทธ์ปล่อยให้กระทรวงพาณิชย์ทำข่าวที่ไม่ค่อยดีว่ามีคนสนิทของรัฐมนตรีหากินกับหน้ากากอนามัยโดยกักตุนและขายเกินราคาทำให้บุคลากรทางการแพทย์ไม่มีหน้ากากใช้ เป็นนายกฯก็ต้องรับผิดชอบด้วยผมให้คะแนนท่านประมาณ B+

ที่น่ากลัวจากนี้ไปก็คือ

1.โรคร้ายจะขยายไปยังประเทศอื่นๆที่น่ากลัวคืออิตาลีอิหร่าน อเมริกา เกาหลีใต้ ยังดีที่ไม่ขยายไปประเทศยากจน เช่นอินเดีย หรือทวีปแอฟริกา จะทำให้สร้างปัญหาให้เศรษฐกิจโลก
อย่างมาก

ท่านนายกฯประยุทธ์คงต้องมาดูแลเรื่องการฟื้นตัวระบบเศรษฐกิจจะทำอย่างไรโดยเฉพาะทำให้การท่องเที่ยวของไทยไม่ลงดิ่งไปมากกว่านี้ดีที่ไม่แจกเงิน

ผมเคยเขียนถึง เบนจามิน แฟรงคลิน ที่ผมอ่านแล้วเรื่องการทำงานเขาเมื่อ 300 ปีมาแล้ว และมีแนวคิดเกี่ยวกับความดีไว้ถึง 13 ข้อคือ

1.Temperance : บริโภคด้วยความพอประมาณ ไม่รับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มากเกินไป

2.Silence : มีความสำรวมทางวาจา พูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและตนเอง หลีกเลี่ยงการสนทนาที่ไร้สาระ

3.Order : มีระเบียบ จัดสิ่งต่างๆ ให้อยู่ในที่ซึ่งเหมาะสมและบริหารเวลาให้เพียงพอสำหรับทำงานต่างๆ

4.Resolution : ตั้งปณิธานแน่วแน่ ในสิ่งที่ต้องทำและทำให้สำเร็จ

5.Frugality : ประหยัด พยายามใช้จ่ายให้น้อยที่สุดให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อื่นหรือตนเองโดยไม่ให้เกิดการสูญเปล่า

6.Industry : ขยันหมั่นเพียร ใช้เวลาให้คุ้มค่าด้วยการทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์และตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป

7.Sincerity : ความจริงใจ มีจิตใจที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม พูดแต่ความจริง ไม่หลอกลวงผู้อื่นให้เกิดความเสียหาย

8.Justice : ยุติธรรม ไม่ทำร้ายผู้อื่นหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาความเป็นธรรม

9.Moderation : เดินสายกลาง หลีกเลี่ยงการกระทำที่สุดโต่ง อดทนต่อความไม่พึงพอใจที่ได้รับจากผู้อื่น

10.Cleanliness : มีสุขอนามัย รักษาความสะอาดทั้งเสื้อผ้า ร่างกาย และที่อยู่อาศัย

11.Tranquility : มีความสงบทางจิตใจ ไม่ปล่อยให้เรื่องไร้สาระและสิ่งที่ควบคุมไม่ได้มาครอบงำจิตใจ

12.Chastity : รู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่หมกมุ่นในกามารมณ์

13.Humility : ใช้ชีวิตอย่างถ่อมตัว

ทั้ง 13 ข้อเป็นเรื่องเกี่ยวกับคนไทยและคนในโลกว่าหลักของชีวิตคือเกิดมาเพื่อทำความดีไม่เอาเปรียบคนอื่นอยู่อย่างง่ายๆ ซึ่งใน 300 ปีที่แล้วสังคมยังไม่มีความโลภร่ำรวยเหมือนในปัจจุบันแนวคิดของเขาเมื่อ 300 ปีที่แล้ว ยังนำมาใช้ในปัจจุบันได้และทั้ง 13 ข้อยังใช้แก้โควิด-19 ได้ด้วย

ผมอ่านแล้วทำให้เห็นสังคมไทยในอดีตที่ยังยกย่องคนดีในปัจจุบันคนดีในเมืองไทยกลายพันธุ์ไปเป็นคนไม่ดีมากมายข้อเขียนของคุณประสงค์ สุ่นศิริ ในแนวหน้าสัปดาห์ที่แล้วท่านพูดว่าคนไทยกลายพันธุ์ไปมากเช่น

ข้าราชการที่ดีก็หายาก มักรับใช้นักการเมือง ไม่รับใช้ประชาชน

ทหารดีๆ ก็หายาก

ครูดีก็หายาก

ผอ.โรงเรียนประถมมัธยมในเมืองไทยที่ดีๆ ก็หายากเพราะต้องมีเส้นจึงมาเป็นได้การเข้าสู่ตำแหน่งบริหารเน้นวิธีสอบเป็นส่วนใหญ่ แต่ที่ถูกต้อง ผอ.ควรจะได้รับการวัดด้านภาวะผู้นำและความสามารถในการบริหารผู้ปกครอง ครูและนักเรียนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันแบบที่ผมได้ทำร่วมกับทีมเทพศิรินทร์ เรียกว่า “เทพศิรินทร์โมเดล”

ในภาวะวิกฤติอ่านหนังสือเล่มนี้ดีบวกกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่านบวกกับความดีที่คนไทยจำนวนหนึ่งกำลังจะทำเช่นคิดดีต่อโลกใบนี้ไม่ให้คนรุ่นหลังขาดธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภาวะโลกร้อน

วิกฤติครั้งนี้คนไทยน่าจะสงบจิตสงบใจสู้กับวิกฤติโดยทิ้งความโลภเช่นกักตุนหน้ากากอนามัยโดยรัฐบาลเองก็ไม่ได้สนใจดูแลหน้ากากอนามัยให้พอเพียงกับบุคลากรของการแพทย์ของไทยยังมีคนสนิทนักการเมืองบางคนทำเสียเอง

เศร้าครับ”

จีระ หงส์ลดารมภ์

อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน


 

ท่านพูดเหมือนที่คนไทยส่วนใหญ่อยากพูด ผศชัยชาญ ถาวรเวช

พิมพ์ PDF

ท่านพูดเหมือนที่คนไทยส่วนใหญ่"อยากพูด"

ความเห็นของ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ชัยชาญ ถาวรเวช..

อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร

ขอกราบคารวะด้วยความนับถือและชื่นชม

 

 ที่จริงบ้านเมืองเราก็สงบดีอยู่ แต่ที่ดูเหมือนไม่สงบ ก็เพราะมีคนบางกลุ่มพยายามจัดฉากสร้างสถานการณ์ทำให้มันไม่สงบ

ทำให้ดูเหมือนว่าสถานการณ์บ้านเมืองของเรามันเข้าขั้นวิกฤต อะไร ๆ ก็ดูแย่ไปหมด เศรษฐกิจก็แย่ ประชาชนจะอดตายกันหมดแล้ว ก็เพราะวิกฤตโควิดมันทำให้เศรษฐกิจโลกแย่ไปตาม ๆ กัน ก็ไปโทษว่าเป็นเพราะเผด็จการครองเมือง ไม่เป็นประชาธิปไตย ใช้สื่อเทียมปลุกปั่นกระแสในโซเชี่ยล หาเรื่องโจมตีชาติ โจมตีสถาบัน ใส่ร้ายป้ายสีกันจนเลอะเทอะไปกันใหญ่

คนไทยอย่าหูเบา ยังจะมีประเทศไหนในโลกที่พลเมืองมีอิสระเสรีเหมือนที่มีอยู่ในประเทศไทย ไม่มีแล้ว เกิดเป็นคนไทยถือว่าโชคดีที่สุดแล้ว ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ถึงจะมีเหลือน้อยกว่าเดิมก็ตาม แต่ก็ยังมีมากกว่าที่อื่น จึงถือว่า เมืองไทยเป็นเหมือนแผ่นดินทอง เพราะบ้านเราอุดมสมบูรณ์อยู่ในชัยภูมิที่ยอดเยี่ยมของโลก อากาศไม่ร้อนไม่หนาวมากเกินไป ไม่มีภัยพิบัติทางธรรมชาติร้ายแรง จึงเป็นที่หมายปองของพวกมหาอำนาจ

ประเทศไทยมีพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นเนื้อนาบุญอันยิ่งของโลก แม้จะมีพระสงฆ์ที่ปฏิบัติไม่ดีอยู่บ้างก็ตาม ก็อย่าไปใส่ใจ ใครทำไม่ดี เดี๋ยวเขาก็ฉิบหายเอง อย่าไปเดือดร้อนกับเขา ผู้ที่ท่านดียังมีอยู่อีกมาก จึงถือว่าเมืองไทยเป็นแผ่นดินธรรม เพราะเรายังมี มรรค ผล นิพพาน เป็นสมบัติของคนไทยให้สืบทอดพระพุทธศาสนาไปได้ถึง ๕,๐๐๐ ปี

เรายังมีพระมหากษัตริย์ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ แม้จะมีบุคคลบางกลุ่มมีความคิดล้มล้างสถาบันก็ตาม ก็อย่าไปใส่ใจ ใครทำไม่ดี เดี๋ยวเขาก็ฉิบหายไปเอง เราตั้งใจทำตัวเราให้ดีก็พอ

ไม่ว่าการปกครองจะเป็นระบอบประชาธิปไตย หรือระบอบเผด็จการ ถ้ายังมีคนโกง คนใจสกปรกชั่วช้าสามานย์แอบแฝงอยู่ในระบบ มันก็สร้างความฉิบหายได้เหมือนกัน ทุกระบบต้องการคนดี ไม่มีระบบไหนเจริญได้เพราะคนชั่ว ให้จำตรงนี้เอาไว้

คนที่ใจสกปรกคิดร้ายทำลายชาติบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง พูดจาโกหกปลิ้นปล้อน ยุแหย่ให้คนไทยเกลียดกัน ทะเลาะกัน ใจคิดอย่างหนึ่ง พูดจาอีกอย่างหนึ่ง ทำก็อีกอย่างหนึ่ง คนอย่างนี้เขาจะหวังดีต่อประเทศชาติ จะทำความเจริญให้กับประเทศชาติได้อย่างไร ?

คนไทยจงอย่าได้หลงคารม อย่าเชื่อไปตามคำพูดเสแสร้งของเขาเลยทีเดียว พวกนี้เป็นตัวอันตรายที่ทางการจะต้องหาวิธีจัดการอย่างแยบยล มิฉะนั้น ประเทศชาติก็จะวุ่นวายอยู่อย่างนี้ตลอดไป

ส่วนพวกเด็ก ๆ นักศึกษานั้น เขาอยากทำอะไร ก็ให้เขาทำไปก่อน หากเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจก็ปล่อยไป แต่ถ้าจะเลยเถิด ก็ต้องปรามกันเอาไว้ เอาไปปรับทัศนคติบ้าง เดี๋ยวก็ดีเอง แต่ให้ระวังพวกอีแอบที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงอยู่หลังฉาก จัดการกับพวกนี้ได้ เรื่องวุ่น ๆ ก็จะเบาลงไปเอง

คนไทยเรารักกัน อยู่ด้วยกันเหมือนพี่เหมือนน้องมานานแล้ว มีพระเจ้าอยู่หัวเป็นเหมือนพ่อเหมือนแม่ พระองค์คอยสอดส่องดูแลสุขทุกข์ของพสกนิกรอย่างใกล้ชิด ที่ใดมีความทุกข์เดือดร้อน ก็จะมีของพระราชทานส่งไปให้ถึงที่ในทันที คุณจะไปหาแบบอย่างเช่นนี้จากที่ไหนในโลก

สังคมไทยของพวกเราจึงเข้มแข็งมาก เพราะเรามีสถาบันครอบครัวที่รักกันยิ่งกว่าที่ใดในโลก เรามี พ่อ แม่ พี่ น้อง ปู่ ย่า ตา ยาย ลูก หลาน เหลน โหลน ลุง ป้า น้า อา ญาติสนิท มิตรสหาย ซึ่งไม่มีประเทศไหนในโลกมีเหมือนบ้านเรา สังคมไทยเราจึงอบอุ่นยิ่งนัก ไม่มีเงินก็ไม่อดตายนะ ขอทานยังมีเงินเก็บเป็นล้านได้เลย

ประเทศไทยของพวกเรามีความเป็นปึกแผ่นมั่นคงมาจนทุกวันนี้ ก็เพราะเรามีแผ่นดินไทยอันอุดมสมบูรณ์ มีพระพุทธศาสนาที่เลิศล้ำเป็นนาบุญของโลก มีพระมหากษัตริย์ที่คอยบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ปวงราษฎร

คนไทยที่บอกว่าเกลียดชังประเทศไทย ไม่อยากอยู่ประเทศไทย ก็ควรอพยพลูกหลานหมดทั้งโคตรไปอยู่ที่อื่นเสียสิ! ที่ไหนดีก็ไปได้ แต่ก็ไม่เห็นไปสักที ถ้าไม่ไป ก็อย่ามาปลุกปั่นยุแหย่ให้คนไทยเกลียดกัน ทะเลาะกัน

คนไทยจงรักกันต่อไป เขารู้ว่า ถ้าจะทำให้ประเทศไทยล่มสลาย ต้องทำให้คนไทยทะเลาะกันเอง ฆ่าฟันกันเอง ต้องทำลายศูนย์รวมของจิตใจ คือพระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์ เขาต้องการให้คนที่ยอมตัวเป็นสุนัขรับใช้ของเขาขึ้นเป็นผู้นำประเทศ ถ้าเขาทำสำเร็จประเทศไทยก็ถึงกาลล่มสลาย

แต่เชื่อเถอะ เมืองไทยเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ แม้เทวดาผู้มีฤทธิ์บนสรวงสวรรค์ ก็ยังสอดส่องทิพยเนตรคุ้มครองอยู่ เขาไม่มีทางทำได้สำเร็จ วันนั้นจะไม่มีทางมาถึง เพราะคนที่คิดร้ายทำลายชาติ ทำลายพระพุทธศาสนา ทำลายพระมหากษัตริย์ มันจะมีอันเป็นไปถึงซึ่งความวิบัติฉิบหายไปก่อนนั่นเอง

ขอให้คนไทยจงรักกัน อย่าเกลียดกัน อย่าเป็นศัตรูกัน และอย่าแตกสามัคคีกัน เท่านั้นก็พอ”

 

ชัยชาญ ถาวรเวช

อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร


 


หน้า 19 จาก 559
Home

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5614
Content : 3057
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8655156

facebook

Twitter


บทความเก่า